วันอาทิตย์ที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2561

คำชะโนดเกาะสวรรค์


คำชะโนด เกาะสวรรค์
     สวัสดีครับมาพบกับแบดอีกแล้วววว ในบทความนี้จะเพื่อนๆไปรู้จักกับตำนานต่างๆของเกาะคำชะโนดอันลี้ลับ ซึ่งสถานที่แห่งนี้เป็นเป่าลึกลับ ที่เมื่อหลายๆ คนพูด ก็จะนึกถึงความลี้ลับเกี่ยวกับพญานาค ความเชื่อที่ว่าเกาะคำชะโนดไม่เคยจมน้ำ เพราะมีพญานาคคอยปกปักรักษาและเป็นแหล่งรวบรวมศรัทธาของชาวบ้านที่อยู่โดยรอบ


สถานที่ตั้ง
ตั้งอยู่ในพื้นที่ 3 ตำบล คือ ตำบล วังทอง ตำบลบ้านม่วง และตำบลบ้านจันทร์ ใน อำเภอบ้านดุง จังหวัดอุดรธานี
คำชะโนด เกาะลอยน้ำ
    คำชะโนด มีลักษณะคล้ายๆ เกาะ ตั้งโดดเดี่ยวอยู่กลางทุ่ง มีน้ำล้อมรอบ มีเนื้อที่ประมาณ 20 กว่าไร่ มีต้นไม้ชนิดหนึ่งเรียกว่า “ต้นชะโนด” ขึ้นเต็มไปหมด เมื่อเข้าไปที่ คำชะโนด อากาศจะเย็นสบายเหมือนติดแอร์ ที่นี่ พอถึงหน้าฝน รอบๆ เกาะ น้ำจะท่วมทุกปี แต่ที่ คำชะโนด น้ำจะไม่ท่วม ดูเหมือนว่า เกาะนี้จะลอยขึ้นตามน้ำ คือ ถ้าหากน้ำขึ้นก็ขึ้นตาม น้ำลงก็ลงตาม น่าประหลาดมากๆ น้ำจะเอ่อล้นมาจาก “แม่น้ำสงคราม” ซึ่ง แม่น้ำสงคราม จะไหลลงสู่แม่น้ำโขงที่ คำชะโนด แห่งนี้ ชาวบ้านบอกว่า มีบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ เรียกว่า “ปล่องพญานาค” เคยมีคนนำไม้ไผ่ลำยาวๆ 3 ต้นมาต่อกัน แล้วหยั่งลงไป ปรากฏว่า ยังไม่ถึงพื้นเลย แต่แปลกที่ว่า เมื่อโยนเหรียญลงไป จะมองเห็นเหรียญได้หมด น้ำใสมาก ชาวบ้านมีความเชื่อว่า พญานาค ได้ออกมาจากปล่องนี้


ตำนานเกาะคำชะโนด
     ในตำนานอุรังคธาตุ ได้กล่าวถึงพญานาคในตอนหนึ่งว่า มีพญานาคสองตนชื่อ “พระยาสุวรรณนาค” และ “พระยาสุทโธนาค” ได้ครอบครอง “หนองแส”อยู่คนละส่วน วันหนึ่ง พญานาคทั้งสอง เกิดขัดข้องหมองใจกัน เรื่องแบ่งปันอาหาร จึงก่อสงครามต่อสู้กัน ทั้งสองฝ่ายต่างสู้รบกันอยู่นานถึง 7 ปี 7 เดือน 7 วัน เป็นเหตุให้เดือนร้อนไปทั้งสามภพ ทั้งภพบาดาล ภพมนุษย์ และภพสวรรค์
    การสู้รบของพญานาคทั้งสอง บังเกิดความร้อนถึงพระอินทร์ พระอินทร์จึงได้เสด็จมายังหนองแส แล้วเข้าห้ามปรามมิให้รบพุ่งกัน จากนั้น พระอินทร์จึงตั้งกติกา ให้พญานาคทั้งสองแข่งขันกัน ขุดแม่น้ำโขง และแม่น้ำน่าน ใครขุดถึงทะเลก่อนกัน พระอินทร์จะมอบปลาบึกให้เป็นรางวัล ในที่สุดก็ปรากฏว่า พระยาสุทโธนาค เป็นฝ่ายชนะ จึงเป็นผู้ได้ปลาบึกมาไว้ยังแม่น้ำโขงแต่เพียงผู้เดียว ดังนั้น ปลาบึก จึงปรากฏมีเพียงในแม่น้ำโขงเพียงแห่งเดียวเท่านั้นในโลก
    นอกจากนี้ พระยาสุทโธนาค ยังได้ร้องขอเอาปากปล่องประตูทางขึ้นลง ต่อพระอินทร์ เพื่อติดต่อกับเมืองมนุษย์ และสวรรค์ไว้สามแห่ง
    ปากปล่องพญานาคแห่งที่หนึ่ง อยู่ที่บริเวณ “พระธาตุหลวง” ใจกลางกำแพงนครเวียงจันทร์ ประเทศลาว บางตำนานเล่าว่า บริเวณใต้ฐานพระธาตุหลวง จะมีลักษณะเป็นปากปล่อง มีโพรงลึก เป็นอุโมงค์ขนาดใหญ่ลงไปใต้ดิน ซึ่งต่อมา ได้สร้างพระธาตุครอบไว้
    ปากปล่องพญานาคแห่งที่สอง อยู่บริเวณ “ดอนจันทร์” ของประเทศลาว ดอนจันทร์ เป็นเกาะขนาดใหญ่กลางแม่น้ำโขง ตรงข้ามกับอำเภอศรีเชียงใหม่ จังหวัดหนองคาย ผู้คนลุ่มน้ำโขงแถบนี้เชื่อว่า บริเวณหาดดอนจันทร์ มีประตูพญานาค ที่พระยาสุทโธนาค ร้องขอไว้อีกแห่งหนึ่ง
    ปากปล่องพญานาคแห่งที่สาม อยู่ที่ “เมืองคำชะโนด” ซึ่งตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของอำเภอบ้านดุง จังหวัดอุดรธานี “คำชะโนด” มีลักษณะเป็นเกาะขนาดใหญ่โผล่ขึ้นกลางน้ำ ทั่วอาณาบริเวณคำชะโนด มีต้นไม้ลักษณะประหลาดชนิดหนึ่ง เกิดขึ้นเต็มบริเวณ ต้นไม้ชนิดนี้มีชื่อเรียกว่า “ต้นชะโนด” จากหลักฐานข้อมูล ลักษณะของต้นไม้ชนิดนี้ ได้รับการยืนยันว่า มีอยู่เฉพาะที่นี่แห่งเดียวเท่านั้นในโลก ต้นชะโนด มีลักษณะคล้ายกับต้นมะพร้าว ต้นหมาก และต้นตาลผสมกัน แต่มีขนาดเล็กกว่าต้นตาล ลำต้นเท่ากับต้นมะพร้าว มีกาบห่อหุ้ม ตามกาบรอบต้นจะมีหนามยาวแหลมคมน่าเกรงขาม เมื่อยามต้นชะโนดต้องลม จะมีเสียง วืดๆ หวือๆ ฟังแล้วน่าสะพรึงกลัวยิ่งนัก บริเวณด้านในของเกาะคำชะโนด มีบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ หรือ ปล่องพญานาค ปรากฏอยู่ในนั้น


ต้นชะโนด
     เป็นต้นไม้กายสิทธิ์ มีชื่อวิทยาศาสตร์คือ Livistona saribus ชะโนดเป็นต้นไม้ชนิดที่หายากมากในประเทศไทย ประกอบด้วยต้นมะพร้าว ต้นหมาก และต้นตาล รวมกันเป็นต้นชะโนด อยู่ในตระกูลปาร์มชนิดหนึ่งไม่มีหนามมีใบเหมือนใบตาล ลำต้นเหมือนต้นมะพร้าว ลูกเป็นเม็ดเล็กๆคล้ายหมาก สูงประมาณ30เมตร เหลืออยู่ที่เดียวในท้องที่อำเภอบ้านดุง ซึ่งอยู่ระหว่างรอยต่อ 3 ตำบลคือ ตำบลบ้านม่วง ตำบลวังทองและ ตำบลบ้านจันทน์ จ.อุดรธานี มีเนื้อที่ประมาณ 20 ไร่


เรื่องโชคลาภ วัดป่าคำชะโนด
     หลายๆคนอดถามไม่ได้เกี่ยวกับโชคลาภว่า บูชาพญานาคจะมีโชคลาภหรือไม่ ความจริงสิ่งนี้ย่อมขึ้นกับกรรมและวาระของแต่ละบุคคลด้วย
     ส่วนพญานาคนั้นท่านเป็นผู้ที่สามารถเข้าถึงทรัพย์ในดินและสินในน้ำ สัญลักษณ์แห่งความอุดมสมบูรณ์ จึงทำให้มีผู้คนเดินทางไปกราบไหว้สักการะและขอหวยกับจ้าวปู่ศรีสุทโธเป็นจำนวนมาก
และมีผู้ประสบผลสำเร็จได้โชคได้ลาภไปมากมายหลายคน เรียกได้ว่ามีความศักดิ์สิทธิ์ จนกลายเป็นกระแสในหมู่คนเล่นหวยที่ต้องไปกราบไหว้ดูสักครั้ง ทำให้มีผู้คนไปกราบไหว้อย่างล้นหลามในทุกวัน
    ใครอยากจะมีโชคเรื่องเงินทองลองไปสักการะและขอพรกับท่านดูก็ไม่เสียหาย แต่ทั้งนี้ทุกอย่างขึ้นอยู่กับดุลยพินิจและวิจารณญาณของทุกคนไม่มีใครสามารถบังคับได้ด้วยประการทั้งปวง
ตั้งนะโม 3 จบ
กายะวาจาจิตตัง อะหังวันทา
นาคาธิบดี ศรีสุทโธ
วิสุทธิเทวา ปูเชมิ ( 3 ครั้ง )
"ทุกสิ่งทุกอย่าง ถ้าเราศรัทธา เชื่อมั่น เราจะได้รู้ด้วยตัวเอง"
คาถาบูชาจ้าวปู่พญานาคาธิบดีศรีสุทโธ
นะโมตัสสะภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ 3 จบ
กายะ วาจะ จิตตัง อะหังวันทา นาคาธิบดีศรีสุทโธ วิสุทธิเทวาปูเชมิ
ทุติยัมปิ กายะ วาจะ จิตตัง อะหังวันทา นาคาธิบดีศรีสุทโธ วิสุทธิเทวาปูเชมิ
ตะติยัมปิ กายะ วาจะ จิตตัง อะหังวันทา นาคาธิบดีศรีสุทโธ วิสุทธิเทวาปูเชมิ
เมตตัญจะมหาลาโภปิโยนาคะ ขันธปริตตัง (คาถาขอทรัพย์พญานาคราช)
คาถาบูชาจ้าวย่านางพญา นาคิณีศรีปทุมมา
นะโมตัสสะภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ 3 จบ
กายะ วาจะ จิตตัง อะหังวันทา นางพญานาคิณีศรีปทุมมา วิสุทธิเทวีปูเชมิ
ทุติยัมปิ กายะ วาจะ จิตตัง อะหังวันทา นางพญานาคิณีศรีปทุมมา วิสุทธิเทวีปูเชมิ
ตะติยัมปิ กายะ วาจะ จิตตัง อะหังวันทา นางพญานาคิณีศรีปทุมมา วิสุทธิเทวีปูเชมิ
เมตตัญจะมหาลาโภปิโยนาคะ ขันธปริตตัง (คาถาขอทรัพย์พญานาคราช)





วันเสาร์ที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2561

รีวิวสถานที่ท่องเที่ยว


บทวิจารณ์
รีวิวสถานที่ท่องเทียว
    สวัสดีครับวันี้มาพบกับแบดอีกแล้วววววว วันนี้แบดจะมาเขียนบทความวิจารณ์การรีวิวเป็นครั้งแรก(ตื้นเต้นมากก555)
ดังนั้นจึงขออนุญาตเขียนตามรู้สึกนะครับ โดยแบดจะเขียนวิจารณ์ทั้งหมด3คนนะครับ ลุยยยยย

 1.รีวิวเที่ยววัดเทพสรธรรมาราม
หนึ่งสถานที่ หนึ่งความประทับใจ ในศาสนาพุทธ
         อย่างอื่นเลยก็ขอกล่าวคำทักทายเพื่อนๆกันก่อนเลย สวัสดีเราชื่อ เปีย วันนี้เราก็จะมารีวิวสถานที่หนึ่ง ซึ่งเพื่อนๆทุกคนก็คงรู้อยู่แล้วแหละว่า คงเป็นสถานที่ที่เกี่ยวกับศาสนาแน่นอน แต่ขอบอกเพื่อนๆไว้ก่อนเลยว่า เห็นอย่างนี้อย่าพึ่งทำน่าเบื่อหน่ายไป  เพราะเรามีอะไรต่างๆมากมายให้ทุกๆคนตะลึงกันเลยทีเดียว  พูดไปก็ขอแนะนำสถานที่กันเลยดีกว่า เชิญชมกันได้เลยคะ


-บทวิจารณ์
      เมื่อได้อ่านบทความของเปียแล้ว ก้ได้รับรู้ว่าวันเทพสรธรรมารามมีอีกชื่อหนึ่งว่าวันหลวงปู่สรวงและได้ทราบถึงประวัติของหลวงปู่สรวงว่าเท่านป็นคนเขมรจากประเทศกัมพูชาที่มักเดินทางไปปฏิบัติธรรมในป่า และได้เข้ามาจนถึงเขตชายแดนของไทยคือ บริเวณ อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษซึ่งท่านท่านเป็นคนใจบุญ สุนทาน มีวิชาอาคมเก่งกล้า และสามารถเหาะเหินเดินอากาศได้ ซึ่งเปียนั้นอธิบายได้ละเอียดและชัดเจนเป็นอย่างมากพร้อมทั้งสามารถบอกกิจกรรมที่สามรถไปทำที่วัดได้อีกต่างห่าง*-* ในเรื่องของการเดินทางเปียก็ได้บอกเส้นทางอย่างชัดเจน
     ในด้านการใช้ภาษาของเปียนั้นถือว่าใช้ภาษาที่เป็นกันเอง เข้าใจง่าย และอธิบายลายละเอียดต่างๆได้อย่างชัดเจน ถือได้ว่าเป็นประโยชน์แก่ผู้อ่านที่กำลังเตรียมตัวไปเที่ยววัดเทพสรธรรมารามได้อย่างมากกเลยครับ
อ่านต่อเพิ่มเติม

2.รีวิวหาดบางเสร่
บางเสร่ เร้ เร๊ เร๋


     เชื่อว่าปิดเทอมใหญ่หัวใจว้าวุ่นทุกคนต้องหากิจกรรมหรือสถานที่ที่ช่วยดับร้อนดับกระหายกันอย่างแน่นอน ค่ะดิชั้นก็เป็นหนึ่งในนั้น เพราะช่วงซัมเมอร์เป็นช่วงที่ต้องเที่ยวอ่ะทุกคนนนน มันอยู่บ้านเฉยๆไม่ได้ กายมันร้อนใจมันร้อนโอเคค่ะวันนี้เราจะมาแนะนำสถานที่ใกล้ๆไม่ไกลจากกรุงเทพฯนะคะนั่นก็คือ ทะเล เป็นสถานที่ยอดฮิตติดกระสวยที่ต้องไปกันอย่างแน่นอน แต่ทะเลที่เราจะมารีวิววันนี้ คือ ทะเลหาดบางเสร่ค่ะ
-บทวิจารณ์
    เมื่อได้อ่านบทความนี้แล้วทำให้ได้รับรู้ถึงบรรยากาศของหาดบางเสร่ว่าเป็นหาดที่เงียบสงบเหมาะกับการพักผ่อนเป็นที่สุดพร้อมทั้งมีบางเร่ รีสอร์ท   เป็นที่สำหรับพักผ่อนงเป็นรีสอร์ทที่มีความเป็นส่วนตัวมีสระว่ายน้ำอยู่ในตัวรีสอร์ทและที่สำคัญคือค่าพักค่อนข้างถูก    และกิ่งเองอธิบายได้อย่างเป็นกันเองทำให้เข้าใจได้อย่างง่ายๆแต่กิ่งรีวิวได้สั้นไปถ้าหากกิ่งอธิบายได้ยาวกว่านี้ก็จะดีมากเลยครับ
3.รีวิวเกษตรแฟร์ 61
    



     สวัสดีเพื่อนๆทุกคนค่ะ วันนี้เราจะมาพาทุกคนไปงานที่เด็กๆนิสิตนักศึกษาตั้งตารอคอยกันค่ะ งานที่ว่านี้จะเป็นอะไรไปไม่ได้เลยนอกจาก งานเกษตรแฟร์ ของเรานี่เองค่า โดยงานนี้นะคะ จัดขึ้นที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตบางเขนค่ะ ภายในงานจะมีผลิตภัณฑ์ และสินค้ามากมายหลายแนว มีครบทุกอย่างทุกเรื่องและเหมาะกับทุกคน ไม่ว่าจะวัยไหน อาชีพอะไรถ้าหากได้มาเดินงานเกษตรแฟร์แล้วจะไม่ผิดหวังแน่นอนค่า น้องขอรับประกัน
อ่านต่อเพิ่มเติม
-บทวิจารณ์
      เมื่อได้อ่านรีวิวเกษตรแฟร์61 จบแล้วรู้สึกอยากไปเที่ยวด้วยเลย55555 มีของกินเยอะมากกกก ในการเขียนอธิบายได้ละเอียดมากโดยเฉพาะการเดินทางและบอกตำแหน่งร้านอาหารต่างๆได้อย่างชัดเจน


ก็จบไปแล้วนะครับในการวิจารณ์บทความท่องเที่ยว สำหรับในการวิจารณ์ในครั้งนี้แบดได้เขียนตามความรู้สึกจากอ่านที่ได้อ่าน และหากผิดพลาดประการใดก็ขออภัยด้วยนะครับ
   



ก้าวแรก


ก้าวแรก
      หลายๆคนก็มีความฝันที่แตกต่างกันไป ส่วนในความฝันของแบดนั้นก็อยากจะเป็นหมอ แต่กว่าจะได้เป็นหมอนั้นต้องผ่านสนามสอบต่างๆอีกทั้งความยากลำบากในการฝ่าฟันไปถึงจุดหมายไว้ หากเพื่อนๆอยากรู้มาต้องผ่านอะไรไปบ้างก็ไปอ่านกันเลยย *-*

จะสอบเข้า "หมอ" ต้องสอบอะไร?
          
       - เกรดเฉลี่ย ทั้ง GPAX และ GPA (ควรมากกว่า 3.00)
       - ผลสอบ BMAT
       - ผลสอบภาษาอังกฤษ TOFEL, IELTS, CU-TEP, TU-GET, CMU-eTEG
       - ผลสอบ GAT, PAT 1, PAT 2
       - ผลสอบวิชาสามัญ 7 วิชาหลัก
       - ผลสอบ O-NET
       - วิชาเฉพาะแพทย์ กสพท
       - Portfolio
       - เตรียมพร้อมการสอบสัมภาษณ์ (มีทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ) 
   โดยส่วนตัวนั้นผมอยากจะเข้าศึกษาต่อในมหาลัยขอยแกน่จึงได้นำเกณฑ ์มาให้ดูนะครับ



คณะแพทยศาสตร์ เรียนเกี่ยวกับอะไร?

   ปี 1
         เรียนแบบตามตาราง 8.00-16.00 บางวันก็เรียนไม่เต็มวัน ทำให้น้องเอาเวลาว่างไปเที่ยว ไปปาร์ตี้ หรือทำกิจกรรมส่วนตัวที่ตัวเองชอบได้ วิชาที่เรียนกันในปี 1 นั้นจะไม่เกี่ยวข้องกับหมอเลย (ยกเว้นหมอบางสถาบันอาจจะมีบางวิชาที่เกี่ยวกับหมอบ้าง) เพราะจะเน้นไปที่วิชาพวก คณิต ฟิสิกส์ เคมี ชีวะ เป็นหลัก คล้าย ๆ ของม.ปลายเลย แต่ว่าจะยากกว่าค่อนข้างเยอะ
   ปี 2
         เรียนเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับการเป็นหมอ อย่างจริงจัง เพราะเราจะได้เรียนทั้ง Gross anatomy, Histology, Physiology, Biochemistry ก็จะได้รู้เกี่ยวกับโครงสร้างร่างกายและการทำงานของระบบร่างกายของคนที่ปกติอย่างละเอียด ละเอียดชนิดที่เรียกว่าแม้แต่หลอดเลือดที่ไปเลี้ยงกล้ามเนื้อในหูก็ต้องรู้จัก !!!

   ปี 3   
     ในปีที่ 2 จะเน้นไปที่ร่างกายคนที่ปกติ คือไม่ป่วย แต่ในปีที่ 3 นี้จะได้เรียนเกี่ยวกับร่างกายของคนที่ป่วย ว่าถ้าเป็นโรคนี้จะมีการเปลี่ยนแปลงของอวัยวะอย่างไร ถ้าเป็นโรคนี้ระบบร่างกายตรงไหนที่เปลี่ยนไป ดังนั้นเราจะเริ่มรู้จักโรคต่าง ๆ และรู้จักเชื้อโรคที่เป็นสาเหตุของโรคด้วย อีกทั้งยังจะได้เรียนเกี่ยวกับยาที่ใช้รักษาโรค แม้ว่าจะเรียนไม่ละเอียดเท่าเภสัช แต่ก็จะได้เรียนลึกขนาดต้องรู้กลไกการออกฤทธิ์ โครงสร้างของยาบางตัวที่สำคัญ
  ปี 4          
     เป็นปีแรกในการก้าวสู่ชั้นคลีนิค เป็นปีที่เริ่มไปเรียนรู้และทดลองดูแลคนไข้ ที่โรงพยาบาลแล้ว ซึ่งก็จะวนไปตามวอร์ดต่างๆ จนครบ เป็นปีที่ต้องตื่นเช้า และนอนดึก
  ปี 5          
     เป็นชั้นปีที่จะวนเวียนอยู่แต่บนวอร์ดนี่ จากตอนปี 4 ซึ่งชั้นปี 5 จะไม่ได้แค่มองๆ แล้วจนตามหมอแล้ว แต่จะมีให้วินิจฉัยร่วมด้วย เย็บแผลด้วย ช่วยทำคลอดด้วย เลคเชอร์ก็ต้องเรียน และต้องเตรียมตัวสอบใบประกอบวิชาชีพขั้นที่ 2 ด้วย
  ปี 6
     ในชั้นปี 6 ก็สามารถเริ่มรักษาคนไข้ได้ สิ่งที่ต่างออกไปคือ เราจะใช้เวลาอยู่ในแต่ละหอนานขึ้น และก็มีออกไปลองเป็นหมอในโรงพยาบาลต่างจังหวัดด้วยะ ซึ่งรอบนี้ไม่มีใครช่วยแล้ว ต้องใช้ความรู้ที่เรียนมาล้วนๆ พอจบ 6 ปีก็สอบใบประกอบวิชาชีพขั้นสุดท้าย และเตรียมตัวใช้ทุนต่อไป






สาขาของแพทย์เฉพาะทางต่างๆ
   1. แพทย์กระดูก
     สำหรับ แพทย์กระดูก หรือเรียกว่า ศัลยแพทย์ออร์โธปิดิกส์ (Orthopedics)” โดยที่ประเทศไทยจะมีชื่อเรียกศัลยแพทย์ในสาขานี้มากมายหลายชื่อด้วยกัน เช่น ศัลยแพทย์กระดูกและข้อ แพทย์กระดูกและข้อ หรือหมอกระดูก เป็นต้น หรือจะเรียกสั้นว่า “หมอออร์โธฯ” ก็ได้ แพทย์ในสาขานี้จะต้องทำการวินิจฉัยความผิดปกติเกี่ยวกับกระดูก ข้อ เส้นเอ็น และกล้ามเนื้อต่างๆ ของร่างกาย
   2. ศัลยแพทย์หัวใจ
     องค์การอนามัยโลกรายงานว่า “โรคหัวใจ” เป็นสาเหตุของการเสียชีวิตของประชากรก่อนวัยอันควร มาเป็นอันต้นๆ ของโลกเลยก็ว่าได้ โดยมีผู้เสียชีวิตจากโลกหัวใจสูงขึ้นถึงปีละ 17 ล้านคนจากทั่วโลก และยังมีอัตราเพิ่มขึ้นทุกปีด้วย จึงทำให้แพทย์ที่มีความรู้ ความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับโรคหัวใจเป็นที่ต้องการมากขึ้นทุกวัน
   3. ศัลยแพทย์ทั่วไป
     ศัลยแพทย์ทั่วไป (General Surgeon) หรือที่เรียกกันภาษาชาวบ้านว่า หมอผ่าตัด” จัดว่าเป็นหมอที่มีรายได้สูงมากอีกหนึ่งสาขาวิชาก็ว่าได้ แต่ก็ต้องแลกมาด้วยการทำงานภายใต้ความกดดันและแข็งขันกับเวลา เพราะทุกนาทีหมายถึงชีวิตของผู้ป่วยที่ฝากเอาไว้ในมือของหมอ โดยที่ศัลยแพทย์สามารถแบ่งย่อยออกไปได้อีกหลายแขนงด้วยกัน เช่น ประสาทศัลยแพทย์ (หมอผ่าสมอง) ศัลยแพทย์อุบัติเหตุ กุมารศัลยศาสตร์ (หมอผ่าตัดเด็ก) และอื่นๆ อีกมากมาย
   4. วิสัญญีแพทย์
     วิสัญญีแพทย์ (Anesthesiologist) หรือที่เรียกกันติดปากว่า หมอดมยา หรือ หมอวางยาสลบ” ทำหน้าที่วางยาสลบ ยาชา บล็อกไขสันหลัง ฯลฯ เพื่อดูแลผู้ป่วยให้เกิดความเจ็บปวดน้อยที่สุดและปลอดภัยมากที่สุด ทั้งในขณะผ่าตัดและหลังผ่าตัด วิสัญญีแพทย์ต้องเลือกยา รวมถึงวิธีการให้เหมาะสมกับเคสและกายภาพของผู้ป่วย มิฉะนั้นอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ แม้จะไม่ค่อยถูกพูดถึงมากสักเท่าไหร่ แต่อันที่จริงแล้ววิสัญญีแพทย์เป็นผู้ที่ปิดทองหลังพระ ทำงานหนักไม่แพ้หมอคนอื่นๆ เลยทีเดียว
  5. สูตินรีแพทย์
     สูตินารีแพทย์ (Gynecologist) มีบทบาทในการทำคลอดและตรวจรักษาโรคที่เกี่ยวข้องกับสตรีโดยเฉพาะปัญหาสุขภาพที่เกี่ยวข้องกับระบบสืบพันธุ์ บางคนจึงมักเรียกพวกเขาว่า หมอตรวจภายใน” โดยมีหน้าที่ครอบคลุมถึงการให้คำปรึกษาเรื่องการมีบุตรและการผ่าตัดต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับอวัยวะสืบพันธุ์ของผู้หญิงอีกด้วย
   6. แพทย์ระบบทางเดินปัสสาวะ
     หลายๆ คนอาจจะไม่เชื่อเลยว่า แพทย์ทางด้านโรคระบบทางเดินปัสสาวะ จะสาขาที่ขาดแคลนและต้องการเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ แถมยังได้รับค่าตอบแทนที่สูงอีกด้วย โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในสาขานี้จะเรียกว่า ศัลยแพทย์ระบบทางเดินปัสสาวะ (urologist)” จะหน้าที่ในการตรวจ วินิจฉัย และรักษาโรคเฉพาะทางระบบเดินปัสสาวะทั้งหมด ระบบอวัยวะที่สำคัญภายในคือ “ตับและไต”โดยที่ใครจะเลือกเรียนต่อแพทย์ในสาขานี้ ต้องทำการศึกษาเกี่ยวกับโรคทั้งหมดที่ส่งผลกระทบต่ออวัยวะทั้งตับและไตให้ได้มากที่สุด นอกจากนี้ยังต้องเรียนรู้เกี่ยวกับระบบอวัยวะสืบพันธุ์ทั้งหมดของเพศชายด้วย ได้แก่ องคชาติ อัณฑะ ถุงอัณฑะ ท่ออสุจิ ต่อมลูกหมาก และถุงน้ำกาม เพราะเมื่อผู้ชายที่ป่วยเป็นโรคทางเดินปัสสาวะเรื้อรัง ก็จะส่งผลต่อระบบไตอีกด้วย
   7. ศัลยแพทย์ช่องปาก
     ศัลยแพทย์ช่องปาก (Oral and Maxillofacial Surgeons) เป็นส่วนหนึ่งของวิชาชีพทางด้านทันตแพทย์ ที่ลงลึกเฉพาะทางเกี่ยวกับการผ่าตัดเพื่อรักษาความผิดปกติของขากรรไกร ใบหน้า ปากแหว่งเพดานโหว่ ดูแลระบบบดเคี้ยวอาหาร และการทำหน้าที่ของอวัยวะภายในช่องปาก ไม่ว่าจะเป็นการผ่าตัดกระดูกขากรรไกร ผ่าตัดฝังรากฟันเทียมต่างๆ ปลูกฟัน ผ่าตัดเนื้องอกในช่องปาก หรือแม้แต่การเตรียมความพร้อมก่อนใส่ฟันปลอม ก็ล้วนเป็นงานของศัลยแพทย์ช่องปากทั้งสิ้น
   8. รังสีแพทย์ : รังสีวิทยา
     หลายๆ คน ต้องเคยได้ยินคำว่า “เอ็กซเรย์” กันอยู่บ่อยครั้ง เมื่อเวลาป่วยไม่สบายแล้วไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาล เพื่อตรวจหาสิ่งที่อยู่ในร่างกาย ที่จะส่งผลทำให้เราป่วยได้ แต่น้อยคนมากที่จะรู้ว่าแพทย์เฉพาะทางที่เรียนมาในสาขานี้จริงๆ แล้วจะต้องเรียกว่า รังสีแพทย์” จัดอยู่ในสาขารังสีวิทยา (radiology) ที่เกี่ยวข้องกับการสร้างภาพสิ่งต่างๆ ของร่างกายเพื่อใช้ในการวินิจฉัยโรค โดยจะต้องอาศัยเครื่องมือพิเศษต่างๆ ทางการแพทย์ข้ามาช่วย ได้แก่ รังสีเอกซ์ (x-ray), รังสีแกมมา (Gamma ray) จากสารกัมมันตภาพรังสีคลื่นเสียง, คลื่นเสียงความถี่สูง (ultrasound) และคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (Nuclear Magnetic Resonance Imaging) เป็นต้น
   9. แพทย์เฉพาะทางด้าน ตา หู คอ จมูก
     อย่างที่เรารู้กันว่า ตา หู คอ จมูก เป็นอวัยวะที่มีความสำคัญต่อร่างกายและการดำรงชีวิตเป็นอย่างมาก โดยที่อวัยวะเหล่านี้มีความซับซ้อน และต้องการความละเอียดละอ่อนในการดูแลเป็นพิเศษ ซึ่งเมื่ออวัยวะเหล่านี้เกิดผิดปกติขึ้นมาก ก็อาจจะสร้างความทุกข์ ทรมาน และความเจ็บปวดให้ผู้ที่ป่วยได้อย่างมากเลยทีเดียว ดังนั้นผู้ที่ให้คำตอบและคำปรึกษาในการรักษาได้ดีที่สุดก็คือ แพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญในสาข โสตศอนาสิกวิทยา (Otolaryngology)” หน้าที่สำหรับแพทย์ในสาขานี้ ได้แก่ ต้องทำการวินิจฉัยและรักษาความผิดปกติของหู จมูก กล่องเสียงหรือช่องคอ ศีรษะ และคอ โดยโรคที่เจอได้บ่อยๆ ก็คือ โรคไซนัสอักเสบ โรคนอนกรน โรคหูน้ำหนวก เจ็บในลำคอ ต่อมไทรอยด์ หรือโรคภูมิแพ้หู คอ จมูก เป็นต้น
   10. ศัลยกรรมตกแต่ง
     ซึ่งแน่นอนว่า ในบรรดาสาขาวิชาที่เลือกเรียนแพทย์นั้น เป็นอะไรที่ค่อยข้างยาก แต่ก็ได้รับค่าตอบแทนสูงมากเลยทีเดียว และแน่นอนว่าในยุคปัจจุบัน ผู้คนต่างก็เริ่มยอมรับกับการทำศัลยกรรมพลาสติกกันมากยิ่งขึ้น โดยที่ “Plastic Surgery” คือ แขนงวิชาเฉพาะสาขาของ “ศัลยศาสตร์ (Specialized Branch of Surgery)” ศึกษาในเรื่องความผิดปกติของรูปร่าง ผิวหนัง รวมทั้งระบบกล้ามเนื้อและโครงร่างของร่างกาย ซึ่งในความจริงแล้วศัลยแพทย์ตกแต่ง มีขอบข่ายในการทำงานที่กว้างมาก ไม่ใช่เฉพาะเสริมจมูก  หรือทำตาสองชั้น เพียงเท่านั้น

ขอบขอบคุณข้อมูลจาก







วันจันทร์ที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2561

รีวิวเที่ยว



รีวิวเที่ยว หาดนางรำ อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี


   ในวันหยุดว่างๆ หากเพื่อนๆอยากออกไปเที่ยว เพื่อพักผ่อน และไม่ไกลจากกรุงเทพมหานคร สามารถนั่งรถส่วนตัวไปหรือจะนั่งรถโดยสารไปก็ได้ แบดก็อยากจะแนะนำ หาดนางรำและนางรองซึ่งเป็นทะเลแฝดที่สวยงานอีกที่หนึ่งในประเทศไทย เพราะเนื่องจากมีน้ำทะเลที่ใสสะอาดอาด สามารถมองเห็นปลาตัวเป็นๆได้ น้ำทะเลก็เป็นสีฟ้าครามแถมมีหาดทรายขาวๆ มีบรรยากาศที่เต็มไปด้วยผู้คนที่มากมายเนื่องจากเป็นวัดหยุดแต่หากจะมาในวันธรรมดาบรรยากาศก็จะเงียบสงบซึ่งเหมาะกับการพักผ่อนเป็นที่สุด หากเพื่อนๆจะเตรียมของทะเลมาทานแบดก็แนะนำให้ปรุงสุกมาก่อนเพราะเนื่องจากเขาไม่ให้นำเตามาย่างในหาดได้ หรือเพื่อนๆจะสั่งตามร้านอาหารที่อยู่แถวๆหาดก็ได้แต่ราคาอาจจะแพงไปหน่อย และอีกอย่างคือหาดนางรำนางรองนี้มีวิวสวยๆให้เพื่อนได้ถ่ายรูปกันได้เยอะมากก

การเดินทาง
เราสามารถเดินทางได้สะดวกมากเพราะการจราจรไม่ค่อยติดขัดโดยผมจะผมแนะนำด้วยกันทั้งหมด2วิธีคือ
1.ขับรถส่วนตัวไป
1.         เส้นทางที่หนึ่ง ไปทางพัทยา จากกรุงเทพฯ ใช้เส้นทางมอเตอร์เวย์ (ทางหลวงหมายเลข 7) ยาวมาถึงชลบุรีจนสุดทางมอเตอร์เวย์ จากนั้นใช้ทางหลวงหมายเลข 36 (บางละมุง-ระยอง) เข้าสู่พัทยา จากเมืองพัทยาใช้ถนนสุขุมวิท (ทางหลวงหมายเลข 3) ถนนสายนี้จะคู่ขนานกับหาดพัทยา ผ่านบ้านสุขาวดี ตลาดน้ำ 4 ภาค สวนนงนุช จนถึงสัตหีบ เมื่อถึงแยกสัตหีบเลี้ยวขวาตามทางหลวงหมายเลข 3 อีกประมาณ 10 กิโลเมตร จะถึงแยกโรงพยาบาลสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ ให้เลี้ยวขวาแแล้วขับตรงไปจะเจอป้ายหน่วยสงครามพิเศษทางเรือ กองเรือยุทธการอยู่ทางซ้ายมือให้เลี้ยวเข้าไปจะเจอหาดนางรำตรงไปจนสุดจะเจอหาดนางรอง
2.         เส้นทางที่สอง ใช้เส้นทางมอเตอร์เวย์ (ทางหลวงหมายเลข 7) เมื่อสุดทางมอเตอร์เวย์ให้ใช้ทางหลวงหมายเลข 36 ไปทางเดียวกับระยอง แล้วเลี้ยวขวาเข้าทางหลวง 331เพื่อตัดมาสัตหีบ มุ่งสู่ฐานทัพเรือสัตหีบ ผ่านแยกโรงพยาบาลสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ ขับตรงไปตามทางมุ่งหน้าเข้าสู่กองเรือยุทธการทางซ้ายมือให้เลี้ยวเข้าไปจะเจอหาดนางรำตรงไปจนสุดจะเจอหาดนางรอง


แนวร่มเงาต้นสนริมชายหาด

เรือคายัคให้เช่าชั่วโมงละ 80 บาท รวมเสื้อชูชีพ นั่งได้ไม่เกิน 3 คน


สิ่งอำนวยความสะดวกบริเวณหาดนางรำ
มีสิ่งอำนวยความสะดวกหลายอย่างเช่น สโมสรหาดนางรำ ร้านอาหาร เครื่องดื่ม ที่อาบน้ำจืด อาคารพักรับรอง ทั้งห้องปรับอากาศและธรรมดา ที่หาดมีเตียงผ้าใบ เสื่อ ให้เช่า สามารถเช่าเรือพายเล่นในทะเล หรือจะเล่นบานาน่าโบ๊ทก็มีให้บริการ นอกจากนี้ยังมีให้บริการนวดแผนไทยที่ริมชายหาด




  •   สโมสรหาดนางรำ มีบริการอาหาร , เครื่องดื่ม เปิดเวลา 9.00-19.30
  •   ร้านอาหารส้มตำ ไก่ย่าง ยำ อาหารทะเล ขนม เครื่องดื่มมีให้เลือกหลายร้าน
  •   ร้านขายเสื้อผ้าเล่นน้ำทะเล ห่วงยาง ของที่ระลึก
  •   ห้องน้ำ ห้องอาบน้ำจืด
  •   เช่าเสื่อ ราคา 10 บาท/ผืน
  •  ห่วงยาง ราคา 30-60 บาท/ห่วง/2 ชั่วโมง
  •   เตียงผ้าใบ ราคา 40 บาท/ตัว
  •   โต๊ะวางของใหญ่ ราคา 30 บาท/ตัว

สโมสรหาดนางรำ
Day 1 เดินทางออกจากบ้านประมาณ7โมง ใช้เวบาในกางเดินทางประมาณ 3ชั่วโมง โดยเดินทางไปที่อำเภอสัตหีบเพื่อเข้าไปในตัวหาด และหาที่จอดรถทิ้งไว้ แล้วไปหาที่นั่งบริเวณชายหาดต่อจากนั้นก็นำอาหารมารับประทาน พร้อมกับเล่นน้ำ โดยใช้เวลาประมาณ4ชั่วโมง แล้วเดินทางกลับบ้าน



น้ำทะเลใสมาก





























































































การเข้าศึกษาต่อ คณะเภสัชศาสตร์ เกณฑ์คัดเลือก                                                                                        ...