วันเสาร์ที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2561


การเข้าศึกษาต่อ คณะเภสัชศาสตร์
เกณฑ์คัดเลือก

                                                                                      


 คณะเภสัชศาตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 




  
คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่


คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น




เรียนอะไรบ้าง
     ในชั้นปีที่ 1-2 จะเป็นการศึกษาด้านเตรียมเภสัชศาสตร์ จะศึกษาในหมวดวิชาพื้นฐานทั่วไป ประกอบด้วยวิชาในด้านสังคมศาสตร์ มนุษยศาสตร์ ความรู้เกี่ยวกับวิชาชีพเบื้องต้น ภาษาอังกฤษ คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์พื้นฐาน และ วิทยาศาสตร์ชีวภาพ 

     ในชั้นปีที่ 3-4 จะเป็นการศึกษาวิชาเฉพาะทางเภสัชศาสตร์ จะศึกษาในหมวดวิชาวิทยาศาสตร์การแพทย์พื้นฐาน ชีวเภสัชศาสตร์ กายวิภาคศาสตร์ สรีรวิทยา สาธารณสุข หลักในการเกิดโรค และจุลชีววิทยา และศึกษาวิชาทางด้านวิชาชีพ ทฤษฎี ปฏิบัติการ และการฝึกงาน ประกอบไปด้วย เภสัชวิเคราะห์ เภสัชศาสตร์สัมพันธ์ อาหารและเคมี โภชนาการศาสตร์ บทนำเภสัชภัณฑ์ เภสัชพฤกษศาสตร์ ชีวเภสัชกรรมและเภสัชจลนศาสตร์ เภสัชเวท เภสัชกรรมและการบริหารเภสัชกิจ เภสัชวิทยาและเภสัชวิทยาคลินิก นิติเภสัชและจริยธรรม พิษวิทยา เภสัชอุตสาหกรรม เภสัชเคมี และ การปฏิบัติฝึกงาน 

     ในชั้นปีที่ 5-6 จะเป็นการศึกษาในหมวดวิชาสาขาที่นักเรียนสนใจเน้นความชำนาญทางวิชาชีพ มีให้เลือก 2 สาขา คือ 

   -สาขาวิชาเภสัชศาสตร์ ( สายผลิต ) โดยศึกษาในชั้นปีที่ 5 จะเน้นศึกษาในด้านการผลิตยา การค้นคว้าตัวยา และควบคุมคุณภาพมาตรฐานของยา รวมถึงการวิจัยยาและคิดค้นสูตรยาใหม่ๆ เภสัชกรทางด้านสาขานี้เหมาะกับสายงานในด้านการผลิต ซึ่งส่วนมากจะทำงานในโรงงานอุตสาหกรรมผลิตยา 

   -สาขาวิชาบริบาลเภสัชกรรม ( สายคลินิก ) จะเน้นในการศึกษาด้านการบริบาลเภสัชกรรมมากขึ้น ในด้านการใช้ยาที่ถูกต้องและเหมาะสมกับผู้ป่วย การแนะนำปรึกษาการใช้ยาที่ถูกต้องแก่ผู้ป่วย และการสร้างเสริมสุขภาพ โดยจะศึกษาเนื้อหาเพิ่มอีก 1 ปี เภสัชกรทางด้านสาขานี้เหมาะกับสายงานในด้านการบริบาล ซึ่งอาจจะทำงานในโรงพยาบาล คลินิก ร้านยา สถานบริการสุขภาพ 
มหาวิทยาลัยที่น่าสนใจ
                          มหาวิทยาลัยขอนแก่น (อังกฤษ: Khon Kaen University; อักษรย่อ: มข.)       





 เดิมชื่อมหาวิทยาลัยภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เป็นสถาบันอุดมศึกษาในกำกับของรัฐบาล และเป็นมหาวิทยาลัยเก่าแก่ที่สุดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ตั้งอยู่ถนนมิตรภาพ ตำบลในเมือง อำเภอเมืองขอนแก่น มีจุดประสงค์เพื่อให้การศึกษาชั้นสูงขยายออกไปถึงภาคตะวันออกเฉียงเหนือพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชทรงประกอบพิธีเปิดเมื่อวันที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2510 และสถาปนาขึ้นเมื่อวันที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2509 ได้รับเลือกให้เป็น 1 ใน 9 มหาวิทยาลัยวิจัยแห่งชาติ จาก กระทรวงศึกษาธิการ ในปี พ.ศ. 2552
                 การจัดการเรียนการสอนนั้นครอบคลุมสาขาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี วิทยาศาสตร์การแพทย์ การเกษตร มนุษยศาสตร์ และสังคมศาสตร์ สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษาจัดอันดับให้เป็นมหาวิทยาลัยระดับดีเลิศทางด้านการเรียนการสอน และดีเยี่ยมทางด้านการวิจัย มหาวิทยาลัยขอนแก่นเปิดหลักสูตรรวมทั้งสิ้น 330 หลักสูตร แบ่งได้เป็นหลักสูตรระดับปริญญาเอก 72 หลักสูตร ปริญญาโท 129 หลักสูตร ปริญญาตรี 105 หลักสูตร ประกาศนียบัตรบัณฑิต 24 หลักสูตร โดยสัดส่วนสาขาวิชาที่เปิดสอนระดับปริญญาตรีกับระดับบัณฑิตศึกษา เท่ากับ 3.0 : 7.0 และเป็นหลักสูตรนานาชาติ/ภาษาอังกฤษ ร้อยละ 11.21 มีนักศึกษาอยู่ในคณะและวิทยาลัยต่างๆ รวมแล้วประมาณ 40,000 คน และมีบุคลากรสายวิชาการ 2,075 คน มีตำแหน่งทางวิชาการ ระดับศาสตราจารย์ 32 คน รองศาสตราจารย์ 508 คน ผู้ช่วยศาสตราจารย์ 619 คน และอาจารย์ 916 คน มหาวิทยาลัยมีอัตราการสอบแข่งขันเข้าเรียนมากที่สุดในภูมิภาค


มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (อังกฤษ: Chiang Mai University; อักษรย่อ: มช.)





     เป็นมหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐโดยเป็นมหาวิทยาลัยแห่งแรกของไทยที่รัฐบาลจัดตั้งขึ้นในส่วนภูมิภาคตามโครงการพัฒนาการศึกษาในส่วนภูมิภาค พ.ศ. 2501 พร้อมทั้งได้มีการเรียกร้องให้ขยายการศึกษาระดับอุดมศึกษาออกสู่ภูมิภาค โดยขอให้รัฐบาลจัดตั้งมหาวิทยาลัยขึ้นที่จังหวัดเชียงใหม่ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2493 นำโดยนายกีและนางกิมฮ้อ นิมมานเหมินท์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ตั้งอยู่บริเวณเชิงดอยสุเทพ ตำบลสุเทพ อำเภอเมืองเชียงใหม จังหวัดเชียงใหม่[3] ได้รับเลือกให้เป็น 1 ใน 9 มหาวิทยาลัยวิจัยแห่งชาติ จาก กระทรวงศึกษาธิการ ในปี พ.ศ. 2552
มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ได้รับการจัดอันดับเป็นมหาวิทยาลัยอันดับ 3 ในด้านการเรียนการสอนของประเทศไทย และเป็นอันดับ 5 ในด้านการวิจัยของประเทศไทยโดยสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษาได้จัดอันดับมหาวิทยาลัยของประเทศไทยใน "โครงการฐานข้อมูลออนไลน์เพื่อประเมินศักยภาพของมหาวิทยาลัยไทย" เมื่อปี พ.ศ. 2549
ปัจจุบันมหาวิทยาลัยเชียงใหม่เปิดการเรียนการสอนใน 21 คณะ 2 วิทยาลัย บัณฑิตวิทยาลัย และมีสถาบันวิจัย 4 สถาบันโดยเปิดสอนในระดับปริญญาตรีมีหลักสูตรที่เปิดสอนในแต่ละคณะจำนวน 340 หลักสูตร โดยมีการจำแนกหลักสูตรออกเป็น หลักสูตรภาคปกติ หลักสูตรภาคพิเศษ หลักสูตรนานาชาติ หลักสูตรต่อเนื่อง และหลักสูตรสาขาวิชาร่วม หลักสูตรระดับปริญญาโท แบ่งเป็น 2 แผน คือ แผน ก และแผน ข และหลักสูตรระดับปริญญาเอก แบ่งเป็น 2 แบบ คือ แบบ 1 เป็นการศึกษาที่เน้นการวิจัย ที่ก่อให้เกิดความรู้ใหม่ และแบบ 2 เป็นการศึกษาที่เน้นการวิจัย โดยมีการทำวิทยานิพนธ์ที่มีคุณภาพสูง และก่อให้เกิดความก้าวหน้าทางวิชาการ และวิชาชีพ และศึกษากระบวนวิชาเพิ่มเติม
นับตั้งแต่การก่อตั้งมหาวิทยาลัยเชียงใหม่นับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2507 ถึงปัจจุบัน มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ได้มีอธิการบดีดำรงตำแหน่งมาแล้ว 15 คน โดยอธิการบดีคนปัจจุบัน คือ ศาสตราจารย์คลีนิค นายแพทย์ นิเวศน์ นันทจิต
 จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย



ตั้งอยู่ในเขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร ถือกำเนิดจาก "โรงเรียนสำหรับฝึกหัดวิชาข้าราชการฝ่ายพลเรือน" ที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดตั้งขึ้นภายในพระบรมมหาราชวัง เมื่อวันที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2442 พร้อมทั้งพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้อัญเชิญ "พระเกี้ยว" มาเป็นเครื่องหมายประจำโรงเรียน[11] การดำเนินงานของโรงเรียนมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องเป็นลำดับ จนกระทั่ง เมื่อวันที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2459 (นับแบบเก่า) พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ทรงประดิษฐานขึ้นเป็นมหาวิทยาลัย และพระราชทานนามว่า "จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย" เพื่อเป็นพระบรมราชานุสาวรีย์เฉลิมพระเกียรติแห่งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระบรมชนกนาถของพระองค์ นับตั้งแต่ พ.ศ. 2460 ถึงปัจจุบัน จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยมีผู้บัญชาการและอธิการบดีมาแล้ว 17 คน อธิการบดีคนปัจจุบัน คือ ศาสตราจารย์ ดร.บัณฑิต เอื้ออาภรณ์
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยได้รับการจัดอันดับให้เป็นมหาวิทยาลัยอันดับ 1 ของประเทศไทยจากหลายสถาบันจัดอันดับ ครอบคลุมทั้งด้านคุณภาพของมหาวิทยาลัย คุณภาพบัณฑิต คุณภาพด้านการวิจัย ชื่อเสียงของมหาวิทยาลัย คุณภาพด้านการจัดการสิ่งแวดล้อมของมหาวิทยาลัยในเขตเมือง และคุณภาพแยกตามรายวิชาอีก 27 รายวิชา
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้รับเลือกให้เป็น 1 ใน 9 มหาวิทยาลัยวิจัยแห่งชาติ จาก กระทรวงศึกษาธิการ ในปี พ.ศ. 2552 และได้รับการรับรองมาตรฐานการศึกษาในระดับดีมากจากสำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา (สมศ.) เป็นสมาชิกเครือข่ายมหาวิทยาลัยอาเซียน (AUN) และเป็นมหาวิทยาลัยเพียงแห่งเดียวในประเทศไทยที่เป็นสมาชิกของสมาคมมหาวิทยาลัยภาคพื้นแปซิฟิก (APRU)ในส่วนของการรับบุคคลเข้าศึกษาในสถาบันอุดมศึกษานั้นพบว่า ผู้สมัครสอบที่ทำคะแนนรวมสูงสุดในแต่ละปีส่วนใหญ่เลือกเข้าศึกษาต่อในจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเป็นมหาวิทยาลัยแห่งแรกที่ใช้คำว่า "นิสิต" เรียกผู้เข้าศึกษาในสังกัดของสถาบัน เพราะเมื่อแรกก่อตั้ง ที่ตั้งของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยถือว่าอยู่ไกลจากเขตพระนครซึ่งเป็นศูนย์กลางความเจริญในขณะนั้น จึงมีการสร้างหอพักเพื่อให้ผู้เข้าศึกษาสามารถพักอาศัยในบริเวณมหาวิทยาลัยและใช้คำว่า "นิสิต" ในภาษาบาลีที่แปลว่า "ผู้อยู่อาศัย" เรียกผู้เข้าศึกษา ด้วยมีลักษณะเช่นเดียวกับการไปฝากตัวเป็นศิษย์และอยู่อาศัยกับสำนักอาจารย์ต่าง ๆ ของนักเรียนในระบบการศึกษาแบบโบราณ เช่น การฝากตัวเป็นศิษย์ที่สำนักของบาทหลวงหรือวิทยาลัยแบบอาศัยของมหาวิทยาลัยในยุโรป ส่วนในประเทศไทย นักเรียนจะไปฝากตัวที่วัดเป็นศิษย์ของพระและอาศัยวัดเป็นสถานที่ศึกษา ด้วยเหตุนี้ มหาวิทยาลัยในประเทศอังกฤษจึงใช้คำว่า "Matriculated Studentที่แปลว่า "นักศึกษาที่ได้รับเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยแล้ว" เรียกผู้เข้าศึกษา เช่นเดียวกับคำว่า "นิสิต"ทั้งนี้ ในอดีต โรงเรียนสำหรับฝึกหัดวิชาข้าราชการฝ่ายพลเรือนใช้คำว่า "นิสิต" เรียกผู้จบการศึกษาประโยคมัธยมศึกษาตอนปลายและเรียนเพื่อสอบวิชาเป็นบัณฑิต แม้ว่าในปัจจุบันการคมนาคมจะสะดวกขึ้นอย่างมาก เขตปทุมวันซึ่งเป็นที่ตั้งของมหาวิทยาลัยเปลี่ยนแปลงไปเป็นย่านธุรกิจการค้าใจกลางกรุงเทพมหานคร นิสิตไม่มีความจำเป็นต้องพักในหอพักนิสิตทุกคนอีกต่อไป แต่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยยังคงใช้คำว่า "นิสิต" เรียกผู้เข้าศึกษา เพื่อรำลึกถึงความเป็นมาของสถาบันเช่นเดิม[24]
เมื่อกล่าวถึงคำว่า "สามย่าน" สามารถอนุมานถึงจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยได้ เพราะอาณาเขตของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยติดต่อกับสี่แยก 2 แห่ง คือแยกสามย่านและแยกปทุมวัน ทั้งสองแห่งเป็นพื้นที่เศรษฐกิจสำคัญของกรุงเทพมหานครและประเทศไทย เป็นที่ตั้งของอาคารสำนักงานขนาดใหญ่ สถาบันการเงิน พิพิธภัณฑ์ หอศิลป์และศูนย์การค้าหลายแห่ง[26] จนกลายเป็นภาพลักษณ์ของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยและถูกใช้ในการแปรอักษรตอบโต้ ในงานงานฟุตบอลประเพณีจุฬาฯ–ธรรมศาสตร์ ที่จัดขึ้นทุกปีระหว่างสองมหาวิทยาลัยเก่าแก่ของประเทศไทยคือจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยกับมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ที่สนามศุภชลาศัย กรีฑาสถานแห่งชาติ
พิธีพระราชทานปริญญาบัตรครั้งแรกของประเทศไทยเกิดขึ้นที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในวันที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2473 ถือเป็นพิธีสำเร็จการศึกษาระดับอุดมศึกษาที่มีขึ้นครั้งแรกในประเทศ บุคคลสำคัญจากหลายสาขาอาชีพได้รับเชิญให้เข้าร่วมพิธีเป็นจำนวนมาก อาทิ เอกอัครราชทูตจากนานาประเทศ ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่และตัวแทนองค์กรระหว่างประเทศ ในการนี้พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินีเสด็จพระราชดำเนินมาพระราชทานปริญญาบัตร ทำให้พิธีพระราชทานปริญญาบัตรเป็นการหน้าที่นั่งของพระมหากษัตริย์ไทยทุกพระองค์นับแต่นั้นเป็นต้นมา[29] กล่าวคือหากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวไม่สามารถเสด็จได้ ก็จะเป็นการถวายปฏิญญาต่อพระบรมฉายาสาทิสลักษณ์และรับพระราชทานปริญญาบัตรจากผู้แทนพระองค์ ธรรมเนียมนี้ได้ใช้ปฏิบัติในสถาบันอุดมศึกษาอื่น ๆ ในเวลาต่อมา ทั้งนี้ปริญญาบัตรของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยมีผลทางกฎหมายก่อนที่จะมีการประกาศใช้พระราชบัญญัติจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พ.ศ. 2477ถึง 4 ปี เพราะมีพระบรมราชโองการประดิษฐานจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พ.ศ. 2459 เป็นกฎหมายที่ให้สิทธิและอำนาจอันชอบธรรมแก่มหาวิทยาลัย ในการประสาทปริญญาแก่นิสิตผู้สำเร็จการศึกษาอยู่ก่อนแล้ว
ปัจจุบัน จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยประกอบไปด้วย 19 คณะวิชา 1 สำนักวิชา ครอบคลุมทั้งสาขาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี วิทยาศาสตร์สุขภาพ สังคมศาสตร์ และมนุษยศาสตร์ และมีหน่วยงานประเภท วิทยาลัย 3 แห่ง บัณฑิตวิทยาลัย 1 แห่ง สถาบัน 14 แห่ง และสถาบันสมทบอีก 2 สถาบันจำนวนหลักสูตรรวมทั้งสิ้น 506 หลักสูตร ประกอบด้วย ระดับปริญญาตรี 113 หลักสูตร ระดับบัณฑิตศึกษา 393 หลักสูตร ในจำนวนนี้เป็นหลักสูตรนานาชาติและหลักสูตรภาษาอังกฤษ 87 หลักสูตร

แนวทางด้านการทำงาน
Ø เภสัชกรยา  เภสัชกรประจำร้านยา เภสัชกรในโรงพยาบาล

สั่งยาให้คนไข้ ตรวจสอบ เช็คสต๊อก ควบคุมรายการเข้าออกของยาในร้านยา โรงงานยาหรือโรงบาล มีรายละเอียดงานดังนี้
   1. จ่ายยา ให้คำปรึกษากับคนไข้ทั่วไปเรื่องการใช้ยาและผลิตภัณฑ์เสริมอาหารทุกชนิด โดยทำงานในห้องแอร์ตลอดเวลา
   2. จัดยา และจ่ายยา บางครั้งอาจตรวจน้ำตาล วัดความความดันโลหิต ให้คำปรึกษา ซักประวัติคนไข้ในโรงพยาบาล
   3. จ่ายยา ให้คำแนะนำ ดูแลยาใช้ภายนอก ยาอันตราย ทั้งจำนวนยาให้พอเพียงต่อการใช้
   4. จ่ายยา ตามใบสั่งแพทย์ และให้คำแนะนำ ดูแลยาใช้ภายนอก ยาอันตราย
Rx,Px ย่อมาจาก Medical Prescribtion เอกสารที่แพทย์เขียนให้เภสัชกรสำหรับการจัดยาดูแลรักษาคนไข้ )
   5. แนะนำ ให้คำปรึกษาด้านโรคและยา ให้กับผู้ป่วยที่เข้ามาที่ร้านพร้อมทั้งจัดและจ่ายยาให้กับผู้ป่วย
   6. แนะนำผลิตภัณฑ์อาหารเสริม เวชสำอางค์ และให้คำปรึกษาเรื่องการใช้ยาที่ถูกต้อง
   7. ดูแลและให้คำปรึกษาเป็นพิเศษเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพและการใช้ยาสำหรับคนไข้โรคเรื้อรัง
   8. ให้คำปรึกษาด้านสุขภาพและความงาม เช่น ประเมินการแพ้ยา
   9. สั่งยา และดูแลคลังยาภายในร้าน และบริหารรายรับ-รายจ่ายของร้านทั้งหมด
   10. ดูแล และบริหารยอดขายยากับผลิตภัณฑ์เสริมอาหารรวมทั้งผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับสุขภาพทุกชนิด
   11. ทำเอกสารแนะนำเพื่อไม่ให้เกิดการใช้ยาผิดขนาด เนื่องจากเป็นยาบางชนิดที่มีความเสี่ยงสูง
   12. ดูแลกระบวนการจัด-จ่ายยาผู้ป่วยนอกทั้งหมด
   13. ดูแล sub-stock ยาและเวชภัณฑ์ ของห้องยาผู้ป่วยนอก
   14. ให้คำปรึกษาและแนะนำการใช้ยาแก่ผู้ป่วย และบุคลากรหน่วยงานอื่นภายในโรงพยาบาล

เงินเดือนภาครัฐ บวกค่าวิชาชีพและเงินประจำต่ำแหน่งรวม  16,800  บาท  (ยังไม่รวมค่ากันดารและค่าเวร)

เงินเดือนภาคเอกชน เงินเดือนเริ่มต้นในช่วง  25,000 - 38,000 บาท (FT/FULL TIME 8 - 10 ชม. ต่อวัน) ขึ้นกับรพ.

  หากทำงานในบูทขายยาในห้างสรรพสินค้า เงินเดือนเริ่มต้นรวมค่าใบประกอบวิชาชีพ เริ่มต้น  27,000  บาท

หากเปิดร้านยาของตนเอง จะมีรายได้ต่อเดือน ในช่วง  50,000 - 100,000 บาท แล้วแต่ทำเลที่ตั้งร้านยา

Ø เภสัชกรประจำโรงงาน เภสัชกรฝ่ายวิจัยและพัฒนา เภสัชกรฝ่ายผลิต เภสัชกรฝ่ายขึ้นทะเบียนตำรับยา
             ทำหน้าที่วิจัยและพัฒนายาในโรงงาน ควบคุมและตรวจสอบคุณภาพของยาก่อนส่งออกไปจำหน่าย มีรายละเอียดงานดังนี้
1. ควบคุมกระบวนการผลิต
2. วางแผนกระบวนการผลิต และบรรจุหีบห่อของยา
3. ดูแลการเบิกวัตถุดิบสำหรับใช้ในกระบวนการผลิต
4. จัดสรร อบรม ฝึกปฏิบัติงานให้แก่พนักงานคัดสรรยา
5. จัดทำเอกสารสำหรับผลิตยาใหม่ และตรวจสอบความถูกต้องของการผลิต
6. จัดทำเอกสารและดำเนินการทดลองเกี่ยวกับ change control
7. จัดทำเอกสารที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการควบคุมการผลิต เช่น SOP, SD, Form, Master formula, Batch Processing Record
8 ดูแล ตรวจสอบความเรียบร้อยของสถานที่ที่ใช้ในการผลิตยาต่างๆ
9. ประสานงาน ติดต่อ ร่วมกับฝ่ายควบคุมคุณภาพ ฝ่ายประกันคุณภาพ ฝ่ายวิศวกรรม ฝ่ายวางแผน คลังสินค้า
10. ควบคุมและดูแลกระบวนการผลิตน้ำยาปราศจากเชื้อให้ถูกต้องตามหลัก GMP
11. รับผิดชอบควบคุมดูแล ตรวจสอบขบวนการผลิต (ชั่งวัตถุดิบ, ผสม, บรรจุ) ให้เป็นไปตามมาตรฐาน GMP
12. ตรวจสอบและแก้ไขเอกสาร SOP, BPR
13. ควบคุมดูแลการบรรจุผลิตภัณฑ์สำเร็จรูป (packing) นอกเวลาทำการ (O.T.)
14. ดูแลติดต่อประสานงานการขอเอกสารสำหรับการขึ้นทะเบียนตำรับยากับบริษัทแม่ในต่างประเทศ
15. จัดเตรียมเอกสารสำหรับขึ้นทะเบียนตำรับยากับทาง อย.

เงินเดือนภาครัฐ  บวกค่าวิชาชีพและเงินประจำต่ำแหน่งรวม 16,800 บาท  (ยังไม่รวมค่ากันดารและค่าเวร)

เงินเดือนภาคเอกชน เริ่มต้นในช่วง 20,000 - 30,000 บาท

Ø ผู้แทนยา  ดีเทลยา เชลล์ขายยา
     สั่งยา เช็คสต๊อก อำนวยความสะดวกแก่แพทย์ด้านต่างๆ เพื่อเสนอขายยาแก่แพทย์ และโรงพยาบาล (ต้องมีรถยนต์)
มีรายละเอียดงานดังนี้
1. มีบุคลิกและท่วงทำนองในการเจรจาการนำเสนอ โดยเน้นการอธิบายถึงคุณภาพและการนำเสนอยาให้แก่แพทย์
2. ดีเทลยาสามารถที่จะเดินทางตามโรงพยาบาลต่างๆ เพื่อเสนอขายยากับแพทย์ เภสัชกร เพื่อติดต่อการจัดซื้อยาให้โรงบาล
3. อธิบายข้อมูลยา คอยกระตุ้นเตือนแพทย์ให้จำตัวยาของบริษัท และการออกฤทธิ์ของยาตัวนั้นๆให้ได้เพื่อที่แพทย์จะสั่งยา
4. คอยตอบคำถาม และให้คำปรึกษาเกี่ยวกับตัวยาที่ขายอยู่ให้กับแพทย์หรือเภสัชกรประจำรพ.ได้อย่างถูกต้องเหมาะสม
5. ดีเทลยาต้องเข้าใจในเทคนิคการขายต่างๆ และมีบุคลิกภาพและหน้าตาที่ดี เพื่อน่าสนทนาด้วย โดยจะมีฝ่ายฝึกอบรม คอยสอนวิธีการติดต่อและการขายให้ เช่น การสร้างบรรยากาศในการสนทนา การควบคุมการสนทนา การเสนอขาย การถามความต้องการ การขจัดข้อโต้แย้ง การปิดการขาย และการสร้างความสัมพันธ์
6. ดักรอแพทย์ในเวลาช่วงก่อนเข้าตรวจคนไข้ เพื่ออธิบายคุณสมบัติยา ก่อนแพทย์จะตรวจคนไข้ จะทำให้แพทย์จำชื่อยาได้ หรือหลังเวลาที่แพทย์ตรวจเสร็จ เพื่อให้แพทย์สามารถสั่งยาตัวดังกล่าวให้แก่คนไข้
7. ให้การอธิบายโดยเริ่มต้นด้วยการแนะนำตัวเองว่าชื่ออะไร มาจากบริษัทใด และอาจโยนคำถามที่เป็นทั้งปลายปิด-ปลายเปิดเข้าไป เพื่อให้รู้หลักการทำงานของแพทย์แต่ละท่านว่ามีการทำงานยังไง เพราะบางครั้งแพทย์บางท่านก็จะเน้นเรื่องความสะดวกสบายในการใช้ยา ขณะที่บางท่านก็จะเน้นเรื่องของผลข้างเคียงของยา จากนั้นก็ตามด้วยประสิทธิภาพของยา ความแตกต่างกับคู่แข่ง และความคุ้มค่าของยาที่ให้ผลดีต่อคนไข้
6. ให้ความสะดวกแก่แพทย์ เช่น การรับส่ง การบริการด้านจัดหาอาหารหลัก-อาหารว่าง การแลกเงินตราต่างประเทศ หรือจองที่พักและตั๋วเครื่องบิน จ่ายค่าสาธารรนูปโภคต่างๆ  รวมถึงการบริการรับหรือส่งแพทย์ที่สนามบิน
7. เดินทางเพื่อไปสัมมนาพร้อมกับแพทย์ หรือออกค่าใช้จ่ายการเดินทางเพื่อการศึกษาดูงานของแพทย์ในประเทศและต่างประเทศ โดยบริษัทยาเป็นผู้ออกให้
8. สามารถทำงานอิสระโดยไม่มี กำหนดเวลาตายตัว ขึ้นอยู่ว่าวางแผนจะไปโรงบาลเวลาไหน เวลาใด ไม่ต้องตอกบัตรเช้า-เย็น แต่ต้องเข้าสำนักงานใหญ่ เดือนละ 2-3 ครั้ง เพื่อประชุมหรือสรุปยอด แล้วแต่บริษัท เพื่อประชุมวางแผนการทำงานและการเดินทาง การบริหารข้อมูลเขตการขาย การจัดลำดับความสำคัญของลูกค้า และความถึ่ในการเข้าพบ
9. ต้องทำยอดขายยาตามเป้าหมายให้ได้ ตามพื้นที่โรงพยาบาลหรือยาที่ตนเองรับผิดชอบ แล้วแต่บริษัทกำหนดยอด
10. ต้องศึกษาข้อมูลผลิตภัณฑ์ยาของตนเองอยู่เสมอ และมีผู้จัดการผลิตภัณฑ์ช่วยสอน อบรมให้ หากจบเภสัชหรือสายวิทยาศาสตร์ ก็จะเข้าใจข้อมูลได้ง่ายกว่า และมีโอกาศได้งานดีเทลย์ยาสูงกว่าอีกด้วย
11. ออกไปนำเสนอยากับแพทย์ และต้องปฏิบัติตามกฎของบริษัทยา โดยการการทำรายงาน สรุปผลการออกตลาด ความคิดเห็นของแพทย์ต่อตัวยา เพื่อนำไปปรับปรุงการทำงานต่อไป
12. รู้จักการวางแผนที่ดี และจัดการกับเวลาของตัวเองได้ดี เพราะเวลาทำงานไม่แน่นอน แล้วแต่ช่วงเวลาที่แพทย์สะดวก
13. ชอบการบริการลูกค้า รู้จักการดูแลเอาใจใส่ลูกค้า มีทักษะในการสื่อสารที่ดี มีความสามารถในการเจรจาต่อรอง
14. มีการทำงานเป็นทีม และมีไหวพริบ รู้จักการแก้ปัญหาต่างๆ โดยต้องปรึกษาหัวหน้างานเสมอ
15. มีความกระตือรือร้น ใฝ่รู้อยู่ตลอดเวลา สามารถสร้างแรงจูงใจและแรงขับดันให้กับตัวเอง เพื่อต่อสู้กับอุปสรรคได้ตลอดเวลา
16. มีความรู้และอธิบายเกี่ยวกับยาที่ทำการขายอย่างละเอียดได้ เพื่อแสดงให้เห็นถึงความแตกต่างจากคู่แข่ง
17. สามารถปรึกษาเกี่ยวกับสุขภาพของตน กับแพทย์เฉพาะทางได้โดยตรง โดยไม่เสียเงิน
18. มีจริยธรรมในการทำการขายและการตลาดยา เช่นเดียวกับบุคลากรทางการแพทย์ที่ต้องมีจริยธรรมในการรักษาผู้ป่วย เนื่องจากเกี่ยวข้องกับชีวิตและความเป็นความตาย นอกเหนือจากกฎระเบียบที่สำคัญที่ของบริษัทเองแล้ว จะได้การฝึกอบรม คือ PReMA Code of Sales & Marketing Practices, IFPMA, ระเบียบการโฆษณาของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา
เงินเดือนภาคเอกชน  เงินเดือนรวมค่าคอมมิทชั่น และค่าเสื่อมสภาพรถยนต์ที่ใช้ ช่วงเงินเดือน 40,000 - 80,000 บาท
  อัตราเงินเดือนสูงสุด เมื่อสามารถทำยอดขายหรือการปิดยอดการขายได้ตามเป้าหมายที่บริษัทกำหนด
- บวกเงินเพิ่มเดือนละ 5,000 - 7,000 บาท  (ค่าแขวนป้ายชื่อเภสัชในร้านยาต่างๆ เพื่อให้ผู้อื่นขายยาแทนเภสัชกรได้)

ประวัติส่วนตัว


   -ชื่อนายธนากร   อุดนอก   อายุ 17 ปี      ชื่อเล่น แบด
     -กำลังศึกษาอยู่ในระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5  โรงเรียนดอนเมืองทหารอากาศบำรุง
     -วันเกิด 2 กรกฎาคม 2544
      




                 






   
                          
  



วันอาทิตย์ที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2561

คำชะโนดเกาะสวรรค์


คำชะโนด เกาะสวรรค์
     สวัสดีครับมาพบกับแบดอีกแล้วววว ในบทความนี้จะเพื่อนๆไปรู้จักกับตำนานต่างๆของเกาะคำชะโนดอันลี้ลับ ซึ่งสถานที่แห่งนี้เป็นเป่าลึกลับ ที่เมื่อหลายๆ คนพูด ก็จะนึกถึงความลี้ลับเกี่ยวกับพญานาค ความเชื่อที่ว่าเกาะคำชะโนดไม่เคยจมน้ำ เพราะมีพญานาคคอยปกปักรักษาและเป็นแหล่งรวบรวมศรัทธาของชาวบ้านที่อยู่โดยรอบ


สถานที่ตั้ง
ตั้งอยู่ในพื้นที่ 3 ตำบล คือ ตำบล วังทอง ตำบลบ้านม่วง และตำบลบ้านจันทร์ ใน อำเภอบ้านดุง จังหวัดอุดรธานี
คำชะโนด เกาะลอยน้ำ
    คำชะโนด มีลักษณะคล้ายๆ เกาะ ตั้งโดดเดี่ยวอยู่กลางทุ่ง มีน้ำล้อมรอบ มีเนื้อที่ประมาณ 20 กว่าไร่ มีต้นไม้ชนิดหนึ่งเรียกว่า “ต้นชะโนด” ขึ้นเต็มไปหมด เมื่อเข้าไปที่ คำชะโนด อากาศจะเย็นสบายเหมือนติดแอร์ ที่นี่ พอถึงหน้าฝน รอบๆ เกาะ น้ำจะท่วมทุกปี แต่ที่ คำชะโนด น้ำจะไม่ท่วม ดูเหมือนว่า เกาะนี้จะลอยขึ้นตามน้ำ คือ ถ้าหากน้ำขึ้นก็ขึ้นตาม น้ำลงก็ลงตาม น่าประหลาดมากๆ น้ำจะเอ่อล้นมาจาก “แม่น้ำสงคราม” ซึ่ง แม่น้ำสงคราม จะไหลลงสู่แม่น้ำโขงที่ คำชะโนด แห่งนี้ ชาวบ้านบอกว่า มีบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ เรียกว่า “ปล่องพญานาค” เคยมีคนนำไม้ไผ่ลำยาวๆ 3 ต้นมาต่อกัน แล้วหยั่งลงไป ปรากฏว่า ยังไม่ถึงพื้นเลย แต่แปลกที่ว่า เมื่อโยนเหรียญลงไป จะมองเห็นเหรียญได้หมด น้ำใสมาก ชาวบ้านมีความเชื่อว่า พญานาค ได้ออกมาจากปล่องนี้


ตำนานเกาะคำชะโนด
     ในตำนานอุรังคธาตุ ได้กล่าวถึงพญานาคในตอนหนึ่งว่า มีพญานาคสองตนชื่อ “พระยาสุวรรณนาค” และ “พระยาสุทโธนาค” ได้ครอบครอง “หนองแส”อยู่คนละส่วน วันหนึ่ง พญานาคทั้งสอง เกิดขัดข้องหมองใจกัน เรื่องแบ่งปันอาหาร จึงก่อสงครามต่อสู้กัน ทั้งสองฝ่ายต่างสู้รบกันอยู่นานถึง 7 ปี 7 เดือน 7 วัน เป็นเหตุให้เดือนร้อนไปทั้งสามภพ ทั้งภพบาดาล ภพมนุษย์ และภพสวรรค์
    การสู้รบของพญานาคทั้งสอง บังเกิดความร้อนถึงพระอินทร์ พระอินทร์จึงได้เสด็จมายังหนองแส แล้วเข้าห้ามปรามมิให้รบพุ่งกัน จากนั้น พระอินทร์จึงตั้งกติกา ให้พญานาคทั้งสองแข่งขันกัน ขุดแม่น้ำโขง และแม่น้ำน่าน ใครขุดถึงทะเลก่อนกัน พระอินทร์จะมอบปลาบึกให้เป็นรางวัล ในที่สุดก็ปรากฏว่า พระยาสุทโธนาค เป็นฝ่ายชนะ จึงเป็นผู้ได้ปลาบึกมาไว้ยังแม่น้ำโขงแต่เพียงผู้เดียว ดังนั้น ปลาบึก จึงปรากฏมีเพียงในแม่น้ำโขงเพียงแห่งเดียวเท่านั้นในโลก
    นอกจากนี้ พระยาสุทโธนาค ยังได้ร้องขอเอาปากปล่องประตูทางขึ้นลง ต่อพระอินทร์ เพื่อติดต่อกับเมืองมนุษย์ และสวรรค์ไว้สามแห่ง
    ปากปล่องพญานาคแห่งที่หนึ่ง อยู่ที่บริเวณ “พระธาตุหลวง” ใจกลางกำแพงนครเวียงจันทร์ ประเทศลาว บางตำนานเล่าว่า บริเวณใต้ฐานพระธาตุหลวง จะมีลักษณะเป็นปากปล่อง มีโพรงลึก เป็นอุโมงค์ขนาดใหญ่ลงไปใต้ดิน ซึ่งต่อมา ได้สร้างพระธาตุครอบไว้
    ปากปล่องพญานาคแห่งที่สอง อยู่บริเวณ “ดอนจันทร์” ของประเทศลาว ดอนจันทร์ เป็นเกาะขนาดใหญ่กลางแม่น้ำโขง ตรงข้ามกับอำเภอศรีเชียงใหม่ จังหวัดหนองคาย ผู้คนลุ่มน้ำโขงแถบนี้เชื่อว่า บริเวณหาดดอนจันทร์ มีประตูพญานาค ที่พระยาสุทโธนาค ร้องขอไว้อีกแห่งหนึ่ง
    ปากปล่องพญานาคแห่งที่สาม อยู่ที่ “เมืองคำชะโนด” ซึ่งตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของอำเภอบ้านดุง จังหวัดอุดรธานี “คำชะโนด” มีลักษณะเป็นเกาะขนาดใหญ่โผล่ขึ้นกลางน้ำ ทั่วอาณาบริเวณคำชะโนด มีต้นไม้ลักษณะประหลาดชนิดหนึ่ง เกิดขึ้นเต็มบริเวณ ต้นไม้ชนิดนี้มีชื่อเรียกว่า “ต้นชะโนด” จากหลักฐานข้อมูล ลักษณะของต้นไม้ชนิดนี้ ได้รับการยืนยันว่า มีอยู่เฉพาะที่นี่แห่งเดียวเท่านั้นในโลก ต้นชะโนด มีลักษณะคล้ายกับต้นมะพร้าว ต้นหมาก และต้นตาลผสมกัน แต่มีขนาดเล็กกว่าต้นตาล ลำต้นเท่ากับต้นมะพร้าว มีกาบห่อหุ้ม ตามกาบรอบต้นจะมีหนามยาวแหลมคมน่าเกรงขาม เมื่อยามต้นชะโนดต้องลม จะมีเสียง วืดๆ หวือๆ ฟังแล้วน่าสะพรึงกลัวยิ่งนัก บริเวณด้านในของเกาะคำชะโนด มีบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ หรือ ปล่องพญานาค ปรากฏอยู่ในนั้น


ต้นชะโนด
     เป็นต้นไม้กายสิทธิ์ มีชื่อวิทยาศาสตร์คือ Livistona saribus ชะโนดเป็นต้นไม้ชนิดที่หายากมากในประเทศไทย ประกอบด้วยต้นมะพร้าว ต้นหมาก และต้นตาล รวมกันเป็นต้นชะโนด อยู่ในตระกูลปาร์มชนิดหนึ่งไม่มีหนามมีใบเหมือนใบตาล ลำต้นเหมือนต้นมะพร้าว ลูกเป็นเม็ดเล็กๆคล้ายหมาก สูงประมาณ30เมตร เหลืออยู่ที่เดียวในท้องที่อำเภอบ้านดุง ซึ่งอยู่ระหว่างรอยต่อ 3 ตำบลคือ ตำบลบ้านม่วง ตำบลวังทองและ ตำบลบ้านจันทน์ จ.อุดรธานี มีเนื้อที่ประมาณ 20 ไร่


เรื่องโชคลาภ วัดป่าคำชะโนด
     หลายๆคนอดถามไม่ได้เกี่ยวกับโชคลาภว่า บูชาพญานาคจะมีโชคลาภหรือไม่ ความจริงสิ่งนี้ย่อมขึ้นกับกรรมและวาระของแต่ละบุคคลด้วย
     ส่วนพญานาคนั้นท่านเป็นผู้ที่สามารถเข้าถึงทรัพย์ในดินและสินในน้ำ สัญลักษณ์แห่งความอุดมสมบูรณ์ จึงทำให้มีผู้คนเดินทางไปกราบไหว้สักการะและขอหวยกับจ้าวปู่ศรีสุทโธเป็นจำนวนมาก
และมีผู้ประสบผลสำเร็จได้โชคได้ลาภไปมากมายหลายคน เรียกได้ว่ามีความศักดิ์สิทธิ์ จนกลายเป็นกระแสในหมู่คนเล่นหวยที่ต้องไปกราบไหว้ดูสักครั้ง ทำให้มีผู้คนไปกราบไหว้อย่างล้นหลามในทุกวัน
    ใครอยากจะมีโชคเรื่องเงินทองลองไปสักการะและขอพรกับท่านดูก็ไม่เสียหาย แต่ทั้งนี้ทุกอย่างขึ้นอยู่กับดุลยพินิจและวิจารณญาณของทุกคนไม่มีใครสามารถบังคับได้ด้วยประการทั้งปวง
ตั้งนะโม 3 จบ
กายะวาจาจิตตัง อะหังวันทา
นาคาธิบดี ศรีสุทโธ
วิสุทธิเทวา ปูเชมิ ( 3 ครั้ง )
"ทุกสิ่งทุกอย่าง ถ้าเราศรัทธา เชื่อมั่น เราจะได้รู้ด้วยตัวเอง"
คาถาบูชาจ้าวปู่พญานาคาธิบดีศรีสุทโธ
นะโมตัสสะภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ 3 จบ
กายะ วาจะ จิตตัง อะหังวันทา นาคาธิบดีศรีสุทโธ วิสุทธิเทวาปูเชมิ
ทุติยัมปิ กายะ วาจะ จิตตัง อะหังวันทา นาคาธิบดีศรีสุทโธ วิสุทธิเทวาปูเชมิ
ตะติยัมปิ กายะ วาจะ จิตตัง อะหังวันทา นาคาธิบดีศรีสุทโธ วิสุทธิเทวาปูเชมิ
เมตตัญจะมหาลาโภปิโยนาคะ ขันธปริตตัง (คาถาขอทรัพย์พญานาคราช)
คาถาบูชาจ้าวย่านางพญา นาคิณีศรีปทุมมา
นะโมตัสสะภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ 3 จบ
กายะ วาจะ จิตตัง อะหังวันทา นางพญานาคิณีศรีปทุมมา วิสุทธิเทวีปูเชมิ
ทุติยัมปิ กายะ วาจะ จิตตัง อะหังวันทา นางพญานาคิณีศรีปทุมมา วิสุทธิเทวีปูเชมิ
ตะติยัมปิ กายะ วาจะ จิตตัง อะหังวันทา นางพญานาคิณีศรีปทุมมา วิสุทธิเทวีปูเชมิ
เมตตัญจะมหาลาโภปิโยนาคะ ขันธปริตตัง (คาถาขอทรัพย์พญานาคราช)





วันเสาร์ที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2561

รีวิวสถานที่ท่องเที่ยว


บทวิจารณ์
รีวิวสถานที่ท่องเทียว
    สวัสดีครับวันี้มาพบกับแบดอีกแล้วววววว วันนี้แบดจะมาเขียนบทความวิจารณ์การรีวิวเป็นครั้งแรก(ตื้นเต้นมากก555)
ดังนั้นจึงขออนุญาตเขียนตามรู้สึกนะครับ โดยแบดจะเขียนวิจารณ์ทั้งหมด3คนนะครับ ลุยยยยย

 1.รีวิวเที่ยววัดเทพสรธรรมาราม
หนึ่งสถานที่ หนึ่งความประทับใจ ในศาสนาพุทธ
         อย่างอื่นเลยก็ขอกล่าวคำทักทายเพื่อนๆกันก่อนเลย สวัสดีเราชื่อ เปีย วันนี้เราก็จะมารีวิวสถานที่หนึ่ง ซึ่งเพื่อนๆทุกคนก็คงรู้อยู่แล้วแหละว่า คงเป็นสถานที่ที่เกี่ยวกับศาสนาแน่นอน แต่ขอบอกเพื่อนๆไว้ก่อนเลยว่า เห็นอย่างนี้อย่าพึ่งทำน่าเบื่อหน่ายไป  เพราะเรามีอะไรต่างๆมากมายให้ทุกๆคนตะลึงกันเลยทีเดียว  พูดไปก็ขอแนะนำสถานที่กันเลยดีกว่า เชิญชมกันได้เลยคะ


-บทวิจารณ์
      เมื่อได้อ่านบทความของเปียแล้ว ก้ได้รับรู้ว่าวันเทพสรธรรมารามมีอีกชื่อหนึ่งว่าวันหลวงปู่สรวงและได้ทราบถึงประวัติของหลวงปู่สรวงว่าเท่านป็นคนเขมรจากประเทศกัมพูชาที่มักเดินทางไปปฏิบัติธรรมในป่า และได้เข้ามาจนถึงเขตชายแดนของไทยคือ บริเวณ อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษซึ่งท่านท่านเป็นคนใจบุญ สุนทาน มีวิชาอาคมเก่งกล้า และสามารถเหาะเหินเดินอากาศได้ ซึ่งเปียนั้นอธิบายได้ละเอียดและชัดเจนเป็นอย่างมากพร้อมทั้งสามารถบอกกิจกรรมที่สามรถไปทำที่วัดได้อีกต่างห่าง*-* ในเรื่องของการเดินทางเปียก็ได้บอกเส้นทางอย่างชัดเจน
     ในด้านการใช้ภาษาของเปียนั้นถือว่าใช้ภาษาที่เป็นกันเอง เข้าใจง่าย และอธิบายลายละเอียดต่างๆได้อย่างชัดเจน ถือได้ว่าเป็นประโยชน์แก่ผู้อ่านที่กำลังเตรียมตัวไปเที่ยววัดเทพสรธรรมารามได้อย่างมากกเลยครับ
อ่านต่อเพิ่มเติม

2.รีวิวหาดบางเสร่
บางเสร่ เร้ เร๊ เร๋


     เชื่อว่าปิดเทอมใหญ่หัวใจว้าวุ่นทุกคนต้องหากิจกรรมหรือสถานที่ที่ช่วยดับร้อนดับกระหายกันอย่างแน่นอน ค่ะดิชั้นก็เป็นหนึ่งในนั้น เพราะช่วงซัมเมอร์เป็นช่วงที่ต้องเที่ยวอ่ะทุกคนนนน มันอยู่บ้านเฉยๆไม่ได้ กายมันร้อนใจมันร้อนโอเคค่ะวันนี้เราจะมาแนะนำสถานที่ใกล้ๆไม่ไกลจากกรุงเทพฯนะคะนั่นก็คือ ทะเล เป็นสถานที่ยอดฮิตติดกระสวยที่ต้องไปกันอย่างแน่นอน แต่ทะเลที่เราจะมารีวิววันนี้ คือ ทะเลหาดบางเสร่ค่ะ
-บทวิจารณ์
    เมื่อได้อ่านบทความนี้แล้วทำให้ได้รับรู้ถึงบรรยากาศของหาดบางเสร่ว่าเป็นหาดที่เงียบสงบเหมาะกับการพักผ่อนเป็นที่สุดพร้อมทั้งมีบางเร่ รีสอร์ท   เป็นที่สำหรับพักผ่อนงเป็นรีสอร์ทที่มีความเป็นส่วนตัวมีสระว่ายน้ำอยู่ในตัวรีสอร์ทและที่สำคัญคือค่าพักค่อนข้างถูก    และกิ่งเองอธิบายได้อย่างเป็นกันเองทำให้เข้าใจได้อย่างง่ายๆแต่กิ่งรีวิวได้สั้นไปถ้าหากกิ่งอธิบายได้ยาวกว่านี้ก็จะดีมากเลยครับ
3.รีวิวเกษตรแฟร์ 61
    



     สวัสดีเพื่อนๆทุกคนค่ะ วันนี้เราจะมาพาทุกคนไปงานที่เด็กๆนิสิตนักศึกษาตั้งตารอคอยกันค่ะ งานที่ว่านี้จะเป็นอะไรไปไม่ได้เลยนอกจาก งานเกษตรแฟร์ ของเรานี่เองค่า โดยงานนี้นะคะ จัดขึ้นที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตบางเขนค่ะ ภายในงานจะมีผลิตภัณฑ์ และสินค้ามากมายหลายแนว มีครบทุกอย่างทุกเรื่องและเหมาะกับทุกคน ไม่ว่าจะวัยไหน อาชีพอะไรถ้าหากได้มาเดินงานเกษตรแฟร์แล้วจะไม่ผิดหวังแน่นอนค่า น้องขอรับประกัน
อ่านต่อเพิ่มเติม
-บทวิจารณ์
      เมื่อได้อ่านรีวิวเกษตรแฟร์61 จบแล้วรู้สึกอยากไปเที่ยวด้วยเลย55555 มีของกินเยอะมากกกก ในการเขียนอธิบายได้ละเอียดมากโดยเฉพาะการเดินทางและบอกตำแหน่งร้านอาหารต่างๆได้อย่างชัดเจน


ก็จบไปแล้วนะครับในการวิจารณ์บทความท่องเที่ยว สำหรับในการวิจารณ์ในครั้งนี้แบดได้เขียนตามความรู้สึกจากอ่านที่ได้อ่าน และหากผิดพลาดประการใดก็ขออภัยด้วยนะครับ
   



ก้าวแรก


ก้าวแรก
      หลายๆคนก็มีความฝันที่แตกต่างกันไป ส่วนในความฝันของแบดนั้นก็อยากจะเป็นหมอ แต่กว่าจะได้เป็นหมอนั้นต้องผ่านสนามสอบต่างๆอีกทั้งความยากลำบากในการฝ่าฟันไปถึงจุดหมายไว้ หากเพื่อนๆอยากรู้มาต้องผ่านอะไรไปบ้างก็ไปอ่านกันเลยย *-*

จะสอบเข้า "หมอ" ต้องสอบอะไร?
          
       - เกรดเฉลี่ย ทั้ง GPAX และ GPA (ควรมากกว่า 3.00)
       - ผลสอบ BMAT
       - ผลสอบภาษาอังกฤษ TOFEL, IELTS, CU-TEP, TU-GET, CMU-eTEG
       - ผลสอบ GAT, PAT 1, PAT 2
       - ผลสอบวิชาสามัญ 7 วิชาหลัก
       - ผลสอบ O-NET
       - วิชาเฉพาะแพทย์ กสพท
       - Portfolio
       - เตรียมพร้อมการสอบสัมภาษณ์ (มีทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ) 
   โดยส่วนตัวนั้นผมอยากจะเข้าศึกษาต่อในมหาลัยขอยแกน่จึงได้นำเกณฑ ์มาให้ดูนะครับ



คณะแพทยศาสตร์ เรียนเกี่ยวกับอะไร?

   ปี 1
         เรียนแบบตามตาราง 8.00-16.00 บางวันก็เรียนไม่เต็มวัน ทำให้น้องเอาเวลาว่างไปเที่ยว ไปปาร์ตี้ หรือทำกิจกรรมส่วนตัวที่ตัวเองชอบได้ วิชาที่เรียนกันในปี 1 นั้นจะไม่เกี่ยวข้องกับหมอเลย (ยกเว้นหมอบางสถาบันอาจจะมีบางวิชาที่เกี่ยวกับหมอบ้าง) เพราะจะเน้นไปที่วิชาพวก คณิต ฟิสิกส์ เคมี ชีวะ เป็นหลัก คล้าย ๆ ของม.ปลายเลย แต่ว่าจะยากกว่าค่อนข้างเยอะ
   ปี 2
         เรียนเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับการเป็นหมอ อย่างจริงจัง เพราะเราจะได้เรียนทั้ง Gross anatomy, Histology, Physiology, Biochemistry ก็จะได้รู้เกี่ยวกับโครงสร้างร่างกายและการทำงานของระบบร่างกายของคนที่ปกติอย่างละเอียด ละเอียดชนิดที่เรียกว่าแม้แต่หลอดเลือดที่ไปเลี้ยงกล้ามเนื้อในหูก็ต้องรู้จัก !!!

   ปี 3   
     ในปีที่ 2 จะเน้นไปที่ร่างกายคนที่ปกติ คือไม่ป่วย แต่ในปีที่ 3 นี้จะได้เรียนเกี่ยวกับร่างกายของคนที่ป่วย ว่าถ้าเป็นโรคนี้จะมีการเปลี่ยนแปลงของอวัยวะอย่างไร ถ้าเป็นโรคนี้ระบบร่างกายตรงไหนที่เปลี่ยนไป ดังนั้นเราจะเริ่มรู้จักโรคต่าง ๆ และรู้จักเชื้อโรคที่เป็นสาเหตุของโรคด้วย อีกทั้งยังจะได้เรียนเกี่ยวกับยาที่ใช้รักษาโรค แม้ว่าจะเรียนไม่ละเอียดเท่าเภสัช แต่ก็จะได้เรียนลึกขนาดต้องรู้กลไกการออกฤทธิ์ โครงสร้างของยาบางตัวที่สำคัญ
  ปี 4          
     เป็นปีแรกในการก้าวสู่ชั้นคลีนิค เป็นปีที่เริ่มไปเรียนรู้และทดลองดูแลคนไข้ ที่โรงพยาบาลแล้ว ซึ่งก็จะวนไปตามวอร์ดต่างๆ จนครบ เป็นปีที่ต้องตื่นเช้า และนอนดึก
  ปี 5          
     เป็นชั้นปีที่จะวนเวียนอยู่แต่บนวอร์ดนี่ จากตอนปี 4 ซึ่งชั้นปี 5 จะไม่ได้แค่มองๆ แล้วจนตามหมอแล้ว แต่จะมีให้วินิจฉัยร่วมด้วย เย็บแผลด้วย ช่วยทำคลอดด้วย เลคเชอร์ก็ต้องเรียน และต้องเตรียมตัวสอบใบประกอบวิชาชีพขั้นที่ 2 ด้วย
  ปี 6
     ในชั้นปี 6 ก็สามารถเริ่มรักษาคนไข้ได้ สิ่งที่ต่างออกไปคือ เราจะใช้เวลาอยู่ในแต่ละหอนานขึ้น และก็มีออกไปลองเป็นหมอในโรงพยาบาลต่างจังหวัดด้วยะ ซึ่งรอบนี้ไม่มีใครช่วยแล้ว ต้องใช้ความรู้ที่เรียนมาล้วนๆ พอจบ 6 ปีก็สอบใบประกอบวิชาชีพขั้นสุดท้าย และเตรียมตัวใช้ทุนต่อไป






สาขาของแพทย์เฉพาะทางต่างๆ
   1. แพทย์กระดูก
     สำหรับ แพทย์กระดูก หรือเรียกว่า ศัลยแพทย์ออร์โธปิดิกส์ (Orthopedics)” โดยที่ประเทศไทยจะมีชื่อเรียกศัลยแพทย์ในสาขานี้มากมายหลายชื่อด้วยกัน เช่น ศัลยแพทย์กระดูกและข้อ แพทย์กระดูกและข้อ หรือหมอกระดูก เป็นต้น หรือจะเรียกสั้นว่า “หมอออร์โธฯ” ก็ได้ แพทย์ในสาขานี้จะต้องทำการวินิจฉัยความผิดปกติเกี่ยวกับกระดูก ข้อ เส้นเอ็น และกล้ามเนื้อต่างๆ ของร่างกาย
   2. ศัลยแพทย์หัวใจ
     องค์การอนามัยโลกรายงานว่า “โรคหัวใจ” เป็นสาเหตุของการเสียชีวิตของประชากรก่อนวัยอันควร มาเป็นอันต้นๆ ของโลกเลยก็ว่าได้ โดยมีผู้เสียชีวิตจากโลกหัวใจสูงขึ้นถึงปีละ 17 ล้านคนจากทั่วโลก และยังมีอัตราเพิ่มขึ้นทุกปีด้วย จึงทำให้แพทย์ที่มีความรู้ ความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับโรคหัวใจเป็นที่ต้องการมากขึ้นทุกวัน
   3. ศัลยแพทย์ทั่วไป
     ศัลยแพทย์ทั่วไป (General Surgeon) หรือที่เรียกกันภาษาชาวบ้านว่า หมอผ่าตัด” จัดว่าเป็นหมอที่มีรายได้สูงมากอีกหนึ่งสาขาวิชาก็ว่าได้ แต่ก็ต้องแลกมาด้วยการทำงานภายใต้ความกดดันและแข็งขันกับเวลา เพราะทุกนาทีหมายถึงชีวิตของผู้ป่วยที่ฝากเอาไว้ในมือของหมอ โดยที่ศัลยแพทย์สามารถแบ่งย่อยออกไปได้อีกหลายแขนงด้วยกัน เช่น ประสาทศัลยแพทย์ (หมอผ่าสมอง) ศัลยแพทย์อุบัติเหตุ กุมารศัลยศาสตร์ (หมอผ่าตัดเด็ก) และอื่นๆ อีกมากมาย
   4. วิสัญญีแพทย์
     วิสัญญีแพทย์ (Anesthesiologist) หรือที่เรียกกันติดปากว่า หมอดมยา หรือ หมอวางยาสลบ” ทำหน้าที่วางยาสลบ ยาชา บล็อกไขสันหลัง ฯลฯ เพื่อดูแลผู้ป่วยให้เกิดความเจ็บปวดน้อยที่สุดและปลอดภัยมากที่สุด ทั้งในขณะผ่าตัดและหลังผ่าตัด วิสัญญีแพทย์ต้องเลือกยา รวมถึงวิธีการให้เหมาะสมกับเคสและกายภาพของผู้ป่วย มิฉะนั้นอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ แม้จะไม่ค่อยถูกพูดถึงมากสักเท่าไหร่ แต่อันที่จริงแล้ววิสัญญีแพทย์เป็นผู้ที่ปิดทองหลังพระ ทำงานหนักไม่แพ้หมอคนอื่นๆ เลยทีเดียว
  5. สูตินรีแพทย์
     สูตินารีแพทย์ (Gynecologist) มีบทบาทในการทำคลอดและตรวจรักษาโรคที่เกี่ยวข้องกับสตรีโดยเฉพาะปัญหาสุขภาพที่เกี่ยวข้องกับระบบสืบพันธุ์ บางคนจึงมักเรียกพวกเขาว่า หมอตรวจภายใน” โดยมีหน้าที่ครอบคลุมถึงการให้คำปรึกษาเรื่องการมีบุตรและการผ่าตัดต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับอวัยวะสืบพันธุ์ของผู้หญิงอีกด้วย
   6. แพทย์ระบบทางเดินปัสสาวะ
     หลายๆ คนอาจจะไม่เชื่อเลยว่า แพทย์ทางด้านโรคระบบทางเดินปัสสาวะ จะสาขาที่ขาดแคลนและต้องการเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ แถมยังได้รับค่าตอบแทนที่สูงอีกด้วย โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในสาขานี้จะเรียกว่า ศัลยแพทย์ระบบทางเดินปัสสาวะ (urologist)” จะหน้าที่ในการตรวจ วินิจฉัย และรักษาโรคเฉพาะทางระบบเดินปัสสาวะทั้งหมด ระบบอวัยวะที่สำคัญภายในคือ “ตับและไต”โดยที่ใครจะเลือกเรียนต่อแพทย์ในสาขานี้ ต้องทำการศึกษาเกี่ยวกับโรคทั้งหมดที่ส่งผลกระทบต่ออวัยวะทั้งตับและไตให้ได้มากที่สุด นอกจากนี้ยังต้องเรียนรู้เกี่ยวกับระบบอวัยวะสืบพันธุ์ทั้งหมดของเพศชายด้วย ได้แก่ องคชาติ อัณฑะ ถุงอัณฑะ ท่ออสุจิ ต่อมลูกหมาก และถุงน้ำกาม เพราะเมื่อผู้ชายที่ป่วยเป็นโรคทางเดินปัสสาวะเรื้อรัง ก็จะส่งผลต่อระบบไตอีกด้วย
   7. ศัลยแพทย์ช่องปาก
     ศัลยแพทย์ช่องปาก (Oral and Maxillofacial Surgeons) เป็นส่วนหนึ่งของวิชาชีพทางด้านทันตแพทย์ ที่ลงลึกเฉพาะทางเกี่ยวกับการผ่าตัดเพื่อรักษาความผิดปกติของขากรรไกร ใบหน้า ปากแหว่งเพดานโหว่ ดูแลระบบบดเคี้ยวอาหาร และการทำหน้าที่ของอวัยวะภายในช่องปาก ไม่ว่าจะเป็นการผ่าตัดกระดูกขากรรไกร ผ่าตัดฝังรากฟันเทียมต่างๆ ปลูกฟัน ผ่าตัดเนื้องอกในช่องปาก หรือแม้แต่การเตรียมความพร้อมก่อนใส่ฟันปลอม ก็ล้วนเป็นงานของศัลยแพทย์ช่องปากทั้งสิ้น
   8. รังสีแพทย์ : รังสีวิทยา
     หลายๆ คน ต้องเคยได้ยินคำว่า “เอ็กซเรย์” กันอยู่บ่อยครั้ง เมื่อเวลาป่วยไม่สบายแล้วไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาล เพื่อตรวจหาสิ่งที่อยู่ในร่างกาย ที่จะส่งผลทำให้เราป่วยได้ แต่น้อยคนมากที่จะรู้ว่าแพทย์เฉพาะทางที่เรียนมาในสาขานี้จริงๆ แล้วจะต้องเรียกว่า รังสีแพทย์” จัดอยู่ในสาขารังสีวิทยา (radiology) ที่เกี่ยวข้องกับการสร้างภาพสิ่งต่างๆ ของร่างกายเพื่อใช้ในการวินิจฉัยโรค โดยจะต้องอาศัยเครื่องมือพิเศษต่างๆ ทางการแพทย์ข้ามาช่วย ได้แก่ รังสีเอกซ์ (x-ray), รังสีแกมมา (Gamma ray) จากสารกัมมันตภาพรังสีคลื่นเสียง, คลื่นเสียงความถี่สูง (ultrasound) และคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (Nuclear Magnetic Resonance Imaging) เป็นต้น
   9. แพทย์เฉพาะทางด้าน ตา หู คอ จมูก
     อย่างที่เรารู้กันว่า ตา หู คอ จมูก เป็นอวัยวะที่มีความสำคัญต่อร่างกายและการดำรงชีวิตเป็นอย่างมาก โดยที่อวัยวะเหล่านี้มีความซับซ้อน และต้องการความละเอียดละอ่อนในการดูแลเป็นพิเศษ ซึ่งเมื่ออวัยวะเหล่านี้เกิดผิดปกติขึ้นมาก ก็อาจจะสร้างความทุกข์ ทรมาน และความเจ็บปวดให้ผู้ที่ป่วยได้อย่างมากเลยทีเดียว ดังนั้นผู้ที่ให้คำตอบและคำปรึกษาในการรักษาได้ดีที่สุดก็คือ แพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญในสาข โสตศอนาสิกวิทยา (Otolaryngology)” หน้าที่สำหรับแพทย์ในสาขานี้ ได้แก่ ต้องทำการวินิจฉัยและรักษาความผิดปกติของหู จมูก กล่องเสียงหรือช่องคอ ศีรษะ และคอ โดยโรคที่เจอได้บ่อยๆ ก็คือ โรคไซนัสอักเสบ โรคนอนกรน โรคหูน้ำหนวก เจ็บในลำคอ ต่อมไทรอยด์ หรือโรคภูมิแพ้หู คอ จมูก เป็นต้น
   10. ศัลยกรรมตกแต่ง
     ซึ่งแน่นอนว่า ในบรรดาสาขาวิชาที่เลือกเรียนแพทย์นั้น เป็นอะไรที่ค่อยข้างยาก แต่ก็ได้รับค่าตอบแทนสูงมากเลยทีเดียว และแน่นอนว่าในยุคปัจจุบัน ผู้คนต่างก็เริ่มยอมรับกับการทำศัลยกรรมพลาสติกกันมากยิ่งขึ้น โดยที่ “Plastic Surgery” คือ แขนงวิชาเฉพาะสาขาของ “ศัลยศาสตร์ (Specialized Branch of Surgery)” ศึกษาในเรื่องความผิดปกติของรูปร่าง ผิวหนัง รวมทั้งระบบกล้ามเนื้อและโครงร่างของร่างกาย ซึ่งในความจริงแล้วศัลยแพทย์ตกแต่ง มีขอบข่ายในการทำงานที่กว้างมาก ไม่ใช่เฉพาะเสริมจมูก  หรือทำตาสองชั้น เพียงเท่านั้น

ขอบขอบคุณข้อมูลจาก







การเข้าศึกษาต่อ คณะเภสัชศาสตร์ เกณฑ์คัดเลือก                                                                                        ...